เป็นข่าวไม่ดีเลยสำหรับประเทศไทยที่วิกฤต COVID-19 กลับมาน่ากังวลอีกครั้ง ทั้งสถานการณ์ทางด้านผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกระทบกับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา กทม.สั่งปิดสถานที่เสี่ยงเริ่ม 26เม.ย. - 9พ.ค.2021 เป็นระยะเวลา 14 วัน มีการปิดสถานที่ให้บริการบางแห่ง สถานที่บางแห่งมีการเลื่อนปิดให้เร็วขึ้น
... จากข่าวที่กล่าวมา มาดูว่าบทวิเคราะห์มีมุมมองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง ครับ
บล. เคทีบี มองเป็นลบต่อประเด็นดังกล่าว เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดครั้งนี้อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง และมีโอกาสที่จะแพร่ระบาดได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ฝ่ายวิจัยวิเคราะห์ว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นมาตรการนี้กับจังหวัดอื่นเพื่อเติม หรือหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น เราก็จะยิ่งเห็นมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงการขยายระยะเวลาการปิดเมืองเพิ่มเติมอีก
ฝ่ายวิจัยมองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ และกลุ่มที่เสียผลประโยชน์
1. กลุ่มที่ได้รับประโยชน์ คือโรงพยาบาล ธุรกิจถุงมือยาง สินค้าเพื่อสุขภาพและวิตามิน คาดว่าจะดี "ในระยะสั้น"
>>> กลุ่มโรงพยาบาลและถุงมือยาง : จำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น มีผู้เข้ารับการตรวจมากขึ้น ให้ BCH เป็น Top Pick ของฝ่ายวิจัย และการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้น แนะนำ STGT สะท้อนความต้องการใช้ถุงมือยางอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
>>> กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและวิตามิน ได้แก่ MEGA คนหันมาบริโภควิตามินมากขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดย MEGA มีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ Mega We Care ที่ 46% จาก Southeast Asia ที่ 77%
2. กลุ่มที่เสียประโยชน์ คือ โรงหนัง ร้านนวดแผนไทย และธุรกิจร้านอาหาร ได้แก่ MAJOR SPA ร้านอาหาร AU ZEN OISHI SNP CENTEL และ MINT
ด้วยสถานการณ์ยังดูรุนแรง คิดว่าจะกระทบกับบรรยาการการลงทุนของตลาดหุ้นโดยภาพรวม ให้เป็นไปในทางลบ นักลงทุนจำเป็นจะต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อกันวันต่อวัน ครับ
-----------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล