#แนวคิดด้านการลงทุน

เพราะ 6 สิ่งนี้ทำให้การลงทุนเรา ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
141 views

ปีที่ผ่านมา มีนักลงทุนหน้าใหม่มากมาย ก้าวเข้ามาลงสนามตลาดหุ้น ที่มีผู้เล่นมากมาย โดยมีอาวุธ วิธีคิด แทคติค วิธีการที่หลากหลาย และทุกคนต้องเดิมพันด้วยเงินจริง!

แน่นอนว่ามีจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มรู้จักความผิดพลาดในรูปแบบต่างๆ บอบช้ำ ผิดพลาด ล้มเหลว เจ็บปวด โง่เขลา ผมเข้าใจความรู้สึกของพวกเราดี ไม่ใช่เพราะผมเจอนักลงทุนรายย่อยมาเยอะเท่านั้น แต่ตัวผมเองก็เคยมาก่อนเช่นกัน

ผมจึงอยากนำเสนอวิธีคิด และคำแนะนำต่างๆ ที่จะช่วยให้มือใหม่เกิดความเข้าใจ มีกำลังใจ และพร้อมที่จะยืนระยะต่อได้ยาวๆ มี 6 ข้อ ไปดูกันเลยครับ!

------------------------

1. หุ้น คือ การพนัน เพราะ เราไม่ศึกษามันอย่างถ่องแท้

>>> ปีที่แล้ว...ผมเจอนักลงทุนมือใหม่ท่านนึง น้องท่านนี้ ช่วงแรกๆลงทุนด้วยความระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด คือ จะเข้าตัวไหน ต้องมีพื้นฐานดีมารองรับ ประมาณว่า “อุตสาหกรรมดี โมเดลธุรกิจดี เป็นผู้ชนะ งบดี ราคายังโอเค” ซื้อขายใจเย็น และได้ผลตอบแทนดีมาก

>>> ยิ่งมาได้แรงส่งจากขาขึ้น +400 จุด หลังจากเข้าลงทุนไม่นานเข้าไปด้วย จึงเริ่มรู้สึกฮึกเหิม “เข้าหุ้นมาไม่กี่เดือนยังได้ขนาดนี้ ถ้าได้เล่นสิบปีจะขนาดไหน!!! ”

>>> เริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเอง องค์เซียนมาประทับ เริ่มกล้าเข้าหุ้นซิ่ง เริ่มไม่ศึกษาหุ้น เพราะเชื่อว่า "ราคาบนกระดานมันสะท้อนทุกอย่างแล้ว" เริ่มออกจาก Mindset ที่ถูกต้องของตัวเอง ... สุดท้าย ก็เข้าหุ้นร้อนแรง เป็นหุ้นอิเลคฯที่ขึ้นมาหลายสิบเท่าถึงสุดยอดดอย แล้วพอเริ่มย่อ -10% จากยอดก็รีบเข้าไปรับ โดยใช้อารมณ์ล้วนๆ “มันลงมาเยอะแล้วพี่ เดี๋ยวมันก็ขึ้น”

>>> หลังจากนั้นมันก็ลงไปเรื่อยๆ และด้วยความที่กระสุนยังมี เลยอัดเงินเข้าไปซื้อถัว น้องเล่าว่าจังหวะถัวนั้น หน้ามืดเหมือนเล่นพนัน จะเอาคืนให้ได้ สุดท้ายถัวไปเรื่อยจนเงินหมด ความรู้สึกเหมือนเอาทรายไปถมทะเล ถมเท่าไหร่ไม่เคยเต็ม สุดท้ายราคาลงจากยอดเกินครึ่งครับ ต้องยอมแพ้ cut loss ไปในที่สุด ... เสียหายไปเยอะมาก

ย้ำอีกครั้งว่า “หุ้นจะเป็นการพนัน ถ้าเราไม่ศึกษามันอย่างถ่องแท้”


2. ลงทุนแล้วเจ็บ เพราะ Mindset หรือเปล่า

ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีแดง มีเขียว และบางปีก็ผันผวนตกต่ำ เหมือนฟ้ามืดดำบวกพายุฝน

การที่เราเอาเงินไปแขวนไว้กับความไม่แน่นอนของตลาด ก็เหมือนขับรถปิดไฟหน้า ฝ่าพายุ เราจึงจำเป็นต้องมี Mindset (วิธีคิด) ที่ดีเป็นไฟส่องทาง การเริ่มการลงทุนที่ถูกต้อง ควรเริ่มจาก Mindset ที่ถูกต้องเป็นตัวนำ

>>> คุณมีวิธีการลงทุนที่ตรงจริต และเข้ากับจังหวะชีวิตตัวเอง แล้วหรือยัง? สายวีไอ ปัจจัยพื้นฐาน สายกราฟเทคนิค สายโมเมนตัม หรือไฮบริดจ์ผสมผสาน แต่ละสายก็มีวิธีคิดและระยะหวังผลในแบบของมัน

>>> สำหรับนักลงทุนแล้ว...เวลาที่คนส่วนใหญ่กลัวมักเป็นจังหวะที่หุ้นราคาถูก ซึ่งเราจะเห็นโอกาส ก็ต่อเมื่อเราได้ศึกษาหุ้น กรองพื้นฐานกิจการไว้ มีราคาในใจ แล้วอดทนรอวันเข้าซื้อได้

>>> สายเก็งกำไร...มีวิธีคิดชัด เลือกเครื่องมือ มีจุดซื้อ จุดขาย จังหวะแบ่งไม้ ที่ชัดเจน ถูกทางกล้าถือ ผิดทางกล้าคัท

>>> เมื่อเลือกสายแล้ว ก็ต้องมีวินัย วีไอจะเป็นไวไวบ่อยๆก็ไม่ดี .... เทคนิคผิดทาง แต่ไม่กล้าคัทลอสก็ไม่ได้ เราต้องรักษาวินัยการลงทุน มีMindset ชัดเจนและปฏิบัติจริง

Mindset ที่ดี นำพาชัยชนะ ในทุกกลยุทธ์ในการลงทุน


3. เจอพอร์ตแดงแล้วลนลาน เพราะลืมใช้เหตุผล

>>> สัจธรรมหนึ่งในตลาดหุ้นคือ อาการพอร์ตแดง(ขาดทุน) เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการลงทุน ไม่มีใครไม่เคยพอร์ตแดงนะครับ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เมื่อแดงแล้ว...เราก็อย่าเพิ่งผลีผลาม เติมเงินถัวเพิ่มไม่หยุด หรือ กลัวลนลานรีบคัทลอสล้างพอร์ตหมด

>>> คำแนะนำคือ ตั้งสติครับ อย่าเพิ่งโวยวาย อย่าเพิ่งหาคนผิด ไม่ต้องโทษนักวิเคราะห์ โทษเซียน หรือโทษโชคชะตา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ต้องโทษตัวเอง ว่า “รู้งี้ขายสัปดาห์ที่แล้ว...รู้งี้ขายเมื่อวาน...รู้งี้ขายเมื่อเช้า” ไม่ต้องรู้งี้ครับ ในโลกของหุ้น สิ่งใดเกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ ... แค่ยอมรับความจริงว่าเราพลาด แล้วเริ่มหาวิธีแก้

>>> ที่พอร์ตเราติดลบ มาจากหุ้นอะไร เกิดจากอะไร ลองลิสต์ออกมา เช่น ลงทุนหุ้นกระจุกตัวเกินไป? เรา over invest จนหมดเงินสดหรือเปล่า? ควรสร้างพอร์ตปรับพอร์ตไหม? ดูพื้นฐานผิดหรือพื้นฐานเปลี่ยน? งบออกมาดีไหม จะขายตัวไหน จะซื้อตัวไหน ให้ดูที่ภาพรวมของพอร์ตเราเป็นหลัก ปรับปรุงให้ดีขึ้น

ควรมีกฎการลงทุนของตัวเอง ศึกษาให้ถ่องแท้ แผนต้องชัด และทำตามวินัยอย่างเคร่งครัด


4. ล้มแล้วไม่ลุก เพราะไม่ยอมเรียนรู้จากความล้มเหลว

>>> ผมอ่านบทสัมภาษณ์นักลงทุน กูรูหุ้นทั้งในละต่างประเทศมาพอควร ... จะบอกว่า แม้แต่กูรูหุ้นแทบทุกคน ก็เคยล้มเหลว เจอหุ้นที่เป็นยาขมของชีวิตการลงทุนมาก่อนครับ แต่พวกเขาเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้น และพัฒนาขึ้นตามเวลา

>>> อย่างปรมาจารย์การลงทุน วอเรน บัฟเฟตต์เอง ก็ยังเคยผิดพลาด เคยเน้นแต่ของถูก จึงไปซื้อหุ้นบริษัทสิ่งทอสิ่งที่ใกล้เจ๊ง สุดท้ายก็ไปไม่รอด ก็ต้องยอมรับและปรับโมเดลธุรกิจเป็น Holding Company บริษัทนี้ชื่อ Berkshire Hathaway ครับ หรือแม้กระทั่งยุคหนึ่งที่ปู่บัฟเฟตต์ไม่ซื้อหุ้นเทคโนโลยีเลยเพราะยังไม่เข้าใจโมเดลธุรกิจ แต่ก็ปรับตัวกระทั่งมี Apple และ Amazon.com ในพอร์ตทุกวันนี้

>>> เพราะความล้มเหลว ไม่จำเป็นต้องล้มเลิก ... แต่จงปรับตัว ไม่ทำผิดซ้ำอีก เรียนรู้จากความล้มเหลวนั้น นี่คือหลักการสำคัญจากกูรูหุ้น ที่นักลงทุนนำไปปรับใช้ได้


5. เพราะเศรษฐกิจยุคนี้ ทำให้ตลาดหุ้นดูน่ากลัวเหลือเกิน

แม้เศรษฐกิจจะยังดูแย่ แต่ต้องไม่ลืมว่า ตลาดหุ้นคือภาพสะท้อนเศรษฐกิจล่วงหน้า 6-12 เดือน ลองมองไปตลาดหุ้นทั่วโลก อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ที่เศรษฐกิจภาคจริงยังไม่ฟื้นดีนัก แต่หลายตลาดหุ้นกลับ All Time High ได้ ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน

ตลาดหุ้นไม่ได้น่ากลัว นี่คือที่แห่งโอกาส มีคนมากมายใช้ประโยชน์จากตลาดหุ้นอย่างถูกวิธี แต่ตลาดหุ้นจะน่ากลัวและโหดร้ายเสมอ สำหรับมือใหม่ที่อยากรวยไวๆในข้ามวัน เลือกแต่หุ้นปั่น โดยไม่หันมาศึกษาหาความรู้ใดๆ

>>> ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว... กลยุทธ์ “ถือหุ้นแล้วไม่ขาย” Buy and Hold หลายคนมองว่า มันน่ากลัว แต่ความจริง การลงทุนหุ้นเติบโตดี ก็เหมือนคนรุ่นพ่อเรา ซื้อทองคำ ซื้อที่ดินทำเลทอง ยิ่งถือนาน มูลค่ายิ่งเพิ่ม

>>> ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น... กรอบเวลาในการเทรดเป็นอย่างไร เลือกหุ้นแบบไหน เข้าถูกจังหวะจะเริ่มขายตรงไหน แต่ถ้าผิดจังหวะจะทยอยคัทลอสราคาใด วางแผนจัดการเงินให้ดี ความเสี่ยงนั้นมีแน่ แต่สามารถบริหารจัดการได้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด


6. คนท้อไม่แท้ เพราะ คนแท้ไม่ท้อ

>>> หลายคนลงทุนแล้วรู้สึกท้อ เหตุผลบางทีก็น่าตกใจ เพราะ “อยากรวยเร็ว” ตั้งความหวังสูง อยากได้ผลตอบแทน ปีละเป็นเด้งๆ (เกิน 100%) เลยต้องเล่นหุ้นทุกตัวที่กำลังวิ่ง ทุกตัวที่ร้อนแรง คิดว่าจะทำผลตอบแทนได้เยอะๆ ซึ่งกลายเป็นพาตัวเองไปสู่จุดที่เสี่ยงมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

>>> ลองตั้งความหวังใหม่กันดีไหม...ลดความหวังที่สูงปรี๊ดลง ให้สมเหตุผล แล้วเน้นเพิ่มความรู้ในการลงทุนให้สูงส่ง

>>> ผมอยากให้กำลังใจนักลงทุนทุกท่าน ที่อาจจะเกิดอาการท้อระหว่างทาง ผลตอบแทนยังไม่ได้ดั่งใจ จนคิดจะเลิกลงทุน หันหลังให้ตลาดหุ้น ว่าการออกจากตลาดแห่งโอกาสนี้ มีต้นทุนและค่าเสียโอกาสมหาศาลที่อาจเสียไป รวมถึงประสบการณ์ก็เสียไปด้วยเช่นกัน


นักลงทุนที่สร้างความมั่งคั่งได้ในระยะยาวนั้น เพราะเขาไม่ท้อง่าย เจออุปสรรคก็จะปรับตัว สลัดอาการเม่าและความเข้าใจผิดทั้งหลายออกไปได้เรื่อยๆ
... เติบโตเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้น และประสบความสำเร็จในที่สุด


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง