เวลาเราพูดถึงตลาดหุ้น เรามักจะยกเรื่องของการเงิน ธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ การเมืองซึ่งเป็นวิชาที่กล่าวอ้างถึงการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงเรื่องส่วนตัวการตัดสินใจอะไรก็ตาม จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองมากที่สุดด้วย
... การลงทุนก็เช่นกัน คนเราตัดสินใจจากกำไรที่ทำได้มากที่สุด

แต่ถ้านำเรื่องของจิตวิทยามวลชนมาอธิบาย "ปรากฏว่าไม่ใช่" !! แบบนั้น
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่านักลงทุนมักจะคิดอะไรด้วยเหตุด้วยผล บางคนก็บอกว่าใช้อารมณ์ในการตัดสิน
... แต่รู้หรือไม่ว่ามันถูกเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น !

โดยแท้จริงแล้ว ตลาดหุ้นขับเคลื่อนด้วย "พฤติกรรมหมู่"
เมื่อเราเห็นคนอื่นวิ่ง เราก็มักจะวิ่งตาม
เมื่อเห็นคนอื่นใส่เสื้อสีเดียวกัน เราก็จะใส่ตาม .. เพราะไม่อยากดูเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น ซึ่งเราอาจจะไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำว่าเราทำไปทำไม ถ้าเราทำอะไรสวนทางคนอื่น เราจะคิดว่าเราผิดทั้งที่จริงแล้วเราไม่ได้ผิดอะไรเลย เราอาจจะทำถูกแล้วก็ได้

เวลาหุ้นขึ้น มีคนไล่ราคายิ่งสูงขึ้น เราอดใจไม่ไหวก็เลยซื้อตามเพราะเห็นคนอื่นกำไรแล้ว เราก็อยากจะกำไรบ้าง
แต่ถ้ากลับมาลองถามตัวเองดูว่า เราซื้อไปทำไม เราอาจจะบอกว่า "เพราะหุ้นมันกำลังขึ้น"
เป็นการซื้อที่ไม่มีเหตุผล แต่เราซื้อเพราะตัดสินใจซื้อ "ตามๆกัน"

พฤติกรรมมวลชนในตลาดหุ้นจึงแปลก เราจะไม่ทำตามผลประโยชน์สูงสุด เช่น เวลาที่หุ้นขึ้นไปติดดอย รายย่อยจะเป็นคนซื้อมากที่สุด เพราะซื้อตามคนส่วนใหญ่ เหมือนกับที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ พูดไว้
"ให้กลัวตอนที่คนอื่นกล้า และให้กล้าตอนที่คนอื่นกลัว" ... แต่ประโยคนี้พูดง่าย พูดแล้วดูเทห์ ดูหล่อ แต่ทำยากมากๆ

เวลาที่หุ้นขึ้นมาก ๆ จะไม่ได้ตัดสินใจด้วยเหตุผล เพราะคนกำลังกล้ามาก ๆ และจะไม่ได้ตัดสินด้วยผลประโยชน์ที่ว่าเราควรซื้อหุ้นถูก ไม่ใช่หุ้นแพง เรื่องแบบนี้ใครก็รู้ แต่สุดท้ายก็ซื้อตามกัน เพราะเห็นคนส่วนใหญ่ซื้อ
... ถ้าอธิบายด้วยหลักจิตวิทยามวลชน ที่คนซื้อตาม เพราะเห็นว่า มีคนที่คิดเหมือนกันถึงซื้อตาม เราจะอุ่นใจกว่า ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว อาจจะติดดอยกันหมดก็ได้ เวลาที่เราคิดอยู่คนเดียวจะไม่มั่นใจ แต่ติดดอยกันเป็นหมู่จะรู้สึกอุ่นใจ เราเจ็บ คนอื่นก็เจ็บเหมือนกัน

นี้คือปัญหาของนักลงทุนรายย่อย เป็นจุดตายของคนส่วนใหญ่ เราคิดว่ามีคนที่รู้ดีกว่า มีเครื่องมือขั้นเทพที่สามารถ "พยากรณ์"ตลาดได้ดีกว่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรแบบนั้น
คนที่มีประสบการณ์มากๆ ก็ยังมองผิดได้เหมือนกัน