ลองแกะรอยการใช้เวลาในแต่ละวันของเราสิครับ
แล้วคุณจะพบสาเหตุแห่งความล้มเหลวหรือความสำเร็จ
สมมติว่าเราทำงานวัน 8 ชั่วโมง (ไม่รวมเดินทาง)
และนอนวันละ 6 ชั่วโมง
เราก็จะใช้เวลาไปแล้ว 14 ชั่วโมง/วัน
เหลืออีก 10 ชั่วโมงที่แต่ละคนจะใช้ต่างๆ กันไป
แน่นอนการทำงานกับการนอนไม่เคยเปลี่ยนชีวิตใคร
โจทย์จึงคือการจัดการกับ "10 ชั่วโมง" ที่ว่านั่นเอง
แต่เมื่อแกะรอยเวลา คุณอาจจะตกใจที่พบว่า
เราใช้เวลากินข้าว วันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง (รวมเดินทาง+คุย)
เราใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัว วันละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
เราใช้เวลาดูข่าว ดูละคร ดูทีวี วันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
เราใช้เวลาเดินทาง วันละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงโดยเปล่าประโยชน์
สรุปก็คือ
เราไม่ได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่พัฒนาอนาคตของตัวเองเท่าไหร่เลย
ประเด็นที่ผมอยากแชร์ก็คือ
มี 2 อย่างที่เราทำได้กับเวลา "10 ชั่วโมงทอง" นั้น
หนึ่ง ลดเวลาไร้สาระลงบ้าง
เช่น ลดเวลาดูทีวี เอามาอ่านหนังสือที่ช่วยพัฒนาความรู้ในสายงานที่เราทำอยู่ หรืออ่านหนังสือพัฒนาตนเอง
กินข้าวเสร็จแล้วไม่ต้องคุยเยอะ กลับไปทำงานต่อให้เสร็จ
สอง ถ้าลดเวลาไม่ได้ ก็ทำสองอย่างควบคู่กันไปในเวลาเดียวกัน
นี่เป็นเคล็ดลับที่ผมพบว่าคนสำเร็จทุกคนทำแบบนี้
เขาถึงมีเวลามากกว่าวันละ 24 ชั่วโมง
เช่น ฟังซีดีที่ให้ความรู้ตอนขับรถ
เปลี่ยนมาเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วอ่านหนังสือตอนเดินทาง
ฟังธรรมะตอนอาบน้ำแต่งตัว
ออกกำลังกายไปด้วย ดูทีวีไปด้วย
อย่างผมเอง
ฟังซีดีภาษาอังกฤษตอนขับรถเพื่อผึกภาษา
ออกกำลังกายไปด้วย ดูหนังซีรี่ส์ไปด้วย
ลงแอพ Kindle ไว้ในมือถือ
เอาไว้อ่านหนังสือทุกครั้งที่มีเศษเวลาเหลือๆ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำด้วยความเครียดนะครับ
แต่ทำมันด้วยความสนุกและเห็นคุณค่าของเวลา
ที่ไม่ว่าจะรวยหรือจน ล้วนมีเวลาเท่ากัน
คนธรรมดามองเวลาเป็นบล็อคๆ บล็อคละชั่วโมง
ในขณะที่คนสำเร็จนั้นมองเวลาเป็นบล็อคๆ บล็อคละเป็นนาที
คุณภาพเวลาของคนสองประเภทนี้จึงต่างกัน
เพราะความละเอียดของเวลา
ทั้งที่มีวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน
"ใช้เวลาเป็น = ใช้ชีวิตเป็น"
เวลาเป็นของมีค่า
อย่าฆ่ามันทิ้งครับ ผมเสียดาย