เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ว่ามีความคิดเห็นว่าอย่างไรต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด Bond Yield อายุ 10 ปี ของสหรัฐปรับตัวขึ้นมาสูงถึง 1.6%

นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดกันว่า FED น่าจะออกมาตรการ Operation Twist ออกมาใช้อีกครั้งเพื่อลดความร้อนแรงของ Bond Yield และจะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก
... ประเด็นคือ Operation Twist คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

นี้เป็น 4 ข้อที่จะทำให้เรารู้จัก Operation Twist ให้มากขึ้นครับ

1. Operation Twist คือ การขายตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อไปซื้อตราสารหนี้ระยะยาว

2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะยาวไม่ให้มีความแตกต่างกันมากเกินไป และเป็นการกดอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวให้ลดลง ช่วยให้บริษัทต่างๆที่ต้องการระดมทุนผ่านตราหสารนี้มีต้นทุนที่ต่ำลงไปด้วย เมื่อบริษัทมีต้นทุนต่ำลงนั้นหมายถึงกำไรที่มากขึ้น จะช่วยทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นดูดีในภาพรวม

3. แล้วตราสารหนี้ระยะสั้น จะเป็นอย่างไร ?
ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นจะเพิ่มสูงขึ้น

4. FED เคยใช้วิธีนี้บ้างใหม่
เคยใช้ ในปี 1961 และปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงที่ FED กำลังลดขนาดของ QE ลง แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็อยู่ในเกณฑ์ดี

โดยรวมแล้วมาตรการ Operation Twist ถือเป็นวิธีการแก้ปัญหาของ FED ไม่ให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวสูงเกินไป จนไปกระทบต้นทุนการระดมทุนของภาคเอกชน วิธีนี้มีข้อดีด้วย คือ ไม่จำเป็นต้องพิมพ์เงินออกมาซื้อตราสารหนี้ เพราะเป็นการขายตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อมาซื้อตราสารหนี้ระยะยาว และยังเป็นการช่วยให้บริษัทระดมทุนให้มีต้นทุนที่ถูกลง เป็นผลบวกต่อภาคการลงทุนอีกด้วย

คิดว่าคำว่า Operation Twist จะกลับมาได้ยินอีกครั้งในเร็วๆนี้ เราต้องทำความเข้าใจกันก่อนครับ