วันนี้ 22 มี.ค. 64
ครบรอบ 1 ปี การล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เป็นครั้งแรก ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19
ปิดกิจการกันแบบเข้ม สถานที่ 26 ประเภท ช้อปปิ้งมอลล์ ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร ผับบาร์ โรงหนัง ร้านทำผม งานแต่งงานสัมมนา อีเวนต์ โรงเรียน มหาลัย ฯลฯ การรวมตัวของผู้คน ปิดหมดช่วงนั้น
ร้านอาหารขายได้เฉพาะหิ้วกลับบ้าน ... 7-11 ปิดกลางคืน...ห้างเปิดเฉพาะฟู้ดคอร์ท ฯลฯ
ยอมรับว่า ตอนนั้นผมตกใจ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้
ตลาดหุ้นลง ก็ตกใจ แต่ไม่ถึงกับหดหู่
แต่...ตลาดสด โรงงาน กิจการ สารพัด ที่ผ่านช่วงเกือบ 3 เดือนอำมหิตนั้นไม่ได้ จำต้องปิดตัวไป
ทำให้อาชีพการงาน ของเพื่อนร่วมชาติ หายไปเป็นจำนวนมาก
ในตลาดแรงงานไทย
โควิดสร้างผลกระทบมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่ปีที่แล้ว ยิงยาวถึงวันนี้
>> มีคนโดนลดเงินเดือน
>> มีคนโดนสั่งลาพัก โดยหักค่าจ้าง
>> มีคนโดนสั่งลาไร้กำหนด แบบไม่จ่ายค่าจ้าง และ
>> มีคนต้องตกงานก่อนวัยอันควร
อีกเป็นจำนวนมาก
ผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ล้วนโดนผลกระทบ
ถ้าแบ่งกลุ่ม ตามเงินเก็บสำรอง แล้วไซร้
กลุ่ม 1 ... ไม่มีเงินเก็บแถมเป็นหนี้ เชื่อว่ามีเยอะมาก
กลุ่ม 2 ... พอมีเงินเก็บบ้าง ยืนระยะได้ราว 3-6 เดือน ซึ่งปลายปีที่แล้ว หลายคนจาก sector ท่องเที่ยว (การบิน โรงแรม ผับบาร์ สปา ย่านท่องเที่ยว) ต้องมูฟออน หางานอื่นหรือทำอาชีพเสริมแบบจริงจังไปแล้ว
กลุ่ม 3 ... อยู่ได้ไหวเกิน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี อันนี้ก็อาจถึงเวลาที่ต้องมูฟออนแบบกลุ่ม 2
กลุ่มสุดท้าย ... อยู่ได้เกิน 1 ปีขึ้นไป เชื่อว่า มีน้อยที่สุด เงินสดสำรองฉุกเฉินจะเปิดทางให้คนกลุ่มนี้ยืนระยะรองานเก่าให้กลับมา หรือเป็นทุนรอนเริ่มงานใหม่ได้
ถึงตรงนี้ แม้จะครบปีแล้ว
บางธุรกิจอาจกลับมาได้บ้าง
แต่บางธุรกิจยังคงเหงาซึมเศร้า
แต่ใช่จะไร้ความหวัง เพราะวันนี้ทั่วโลก มีวัคซีนแล้ว เดินหน้าฉีดแล้ว ทุกคนมองไปข้างหน้า สู่การเปิดเมือง Reopening Economy
เราผ่านจุดที่มัน มืดมิดที่สุดไปแล้ว
ก็อยากให้มีความหวังกันไว้ครับ
เพราะความหวัง ทำให้คนไปต่อ