KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร วิเคราะห์ภาพของเศรษฐกิจไทยไว้ว่า การระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 ช่วงเดือนธันวาคม ปี 2563 ที่ผ่านมา จบเร็วกว่าที่คาดกันไว้จึงมีการปรับ GDP ของไทยจากเดิมที่คาดว่าน่าจะโต 2% มาอยู่ที่ 2.7% จึงถือเป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทยและนักลงทุนที่มีโอกาสเห็นการบริโภคและการลงทุนกลับมาฟื้นตัวได้ดีกว่า
... แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ เรื่องของการท่องเที่ยว โดยฝ่ายวิจัยมองว่าตลอดปี 2021 นักท่องเที่ยวจะมาประเทศได้ในจำกัด ทำให้มองว่าชาวต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวในไทยลดลง จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 2 ล้านคน เหลือเพียง 1 ล้านคน เมื่อมองจากภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวได้ช้ามาก
ฝ่ายวิจัย แสดงความคิดเห็นว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ค่อนข้างมากในแง่ของเศรษฐกิจ ในขณะที่ภาพของเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หมายความว่าสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเจอ คือ "ประเทศฝืด ในโลกของเงินเฟ้อ"
... จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างที่ขึ้นมาอย่างรุนแรง เช่น น้ำมันดิที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเกินกว่า 70 เหรียญต่อบาเรล ผลที่ตามมา คือ ต้นทุนการผลิตสินค้าของไทยจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่กำลังซื้อของผู้บริโภคไม่ได้ฟื้นตัวตาม
เมื่อการบริโภคลดลง การส่งออกฟื้นตัวช้า รายได้จากท่องเที่ยวก็หายไป มีโอกาสที่บาทจะอ่อนค่าลงได้อีก ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงในช่วง 31.5 - 32 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ
ในภาพของอัตราดอกเบี้ย ... อัดตราดอกเบี้ยของไทยปรับตัวสูงขึ้น อย่างเช่นพันธบัตรระยะ 10 ปีของไทยปรับขึ้นจาก 1.3% มาอยู่ที่ 2% แล้วในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการปรับตัวในสภาพของเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว จะเกิดผลอยู่ 2 ประการ คือ
1. ต้นทุนในการระดมทุนของบริษัทที่จะเพิ่มสูงขึ้น
2. ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัท มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
--------------------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
บทวิจัย KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร