#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

ซื้อขายแน่นหนา ราคาแตะยอด

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
104 views

ในช่วงเวลานับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา หลังจากโลกค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด19 อย่างเป็นทางการ ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งตลาดหุ้นไทยที่มีการซื้อขาย(Trading Volume)ก็คึกคักมาก  มีหลายวันที่ปริมาณการซื้อขายรวมต่อวันทะลุแสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนหน้าใหม่ที่มีการเปิดพอร์ตลงทุนเป็นจำนวนหลายแสนบัญชี เข้ามาเก็บโอกาสจากช่วง SET ผันผวนช่วงปี 63 และต่อเนื่องมาต้นปี 64 จากการเปิดบัญชีเพื่อรองรับหุ้น IPO ประวัติศาสตร์ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น OR ที่มีความเป็นมหาชนอย่างแท้จริง มีจำนวนนักลงทุนรายย่อยถือหุ้นมากถึง  525,054 ราย ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

 

นักลงทุนมือใหม่ ถามหลังไมค์มาว่า หุ้น IPO ประวัติศาสตร์ แบบ OR ทำไม อยู่ๆกระแสนิยมก็ดูถดถอยไป นับจากวันเข้าซื้อขาย 1st Trading Day วันที่ 11 .. 2564 เป็นหุ้นร้อนแรงที่สุดในตลาด ปริมาณการซื้อขายหุ้น OR ตัวเดียว แน่นหนาในระดับครึ่งหนึ่งของวอลลุ่มเทรดหุ้นทั้งตลาด แต่แล้วหลังจากสัปดาห์แรก ก็ไม่ค่อยมีใครพูดถึงทุกวันแบบช่วงที่เข้าตลาดหุ้นใหม่ๆ น้องนักลงทุนมือใหม่ท่านนี้ เพิ่งเข้าตลาดมา ได้กำไรจากตัวนี้มาก เกิดจิตผูกพัน รักหุ้น OR สุดหัวใจ ก็ "เล่นเข้าๆออกๆแต่ตัวนี้เลย ซึ่งพอหุ้นถดถอยลงจากราคาสูงสุดที่ 36.50 บาท การทำกำไรก็ไม่ได้ง่ายเหมือนก่อนอีกแล้ว 

 

คำตอบของผมคือ เป็นธรรมดา ที่หุ้น IPO ทุกตัว จะได้พื้นที่หน้าข่าวเยอะพิเศษ อย่างน้อย 3 วันแรกหลัง 1st Trading Day”  เหมือนจรวดส่งดาวเทียม ที่ใช้กำลังส่งยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า และเมื่อพ้นระยะหนึ่ง กำลังส่งจะหมด ปล่อยดาวเทียมออกเป็นอิสระ แล้วดาวเทียมก็จะล่องลอยค้างบนท้องฟ้า ประจำวงโคจร เหมือนดาวเทียมดวงอื่นๆอีก 700 ดวง ที่โคจรอยู่ 

 

หุ้น IPO ก็เช่นกัน ... ส่วนใหญ่แล้ว หลังพ้นระยะ 3 วันแรก วอลุ่มการซื้อขายและพื้นที่ข่าว จะค่อยๆลดลง และข่าวสารต่างๆก็จะห่างหายไป เป็นไปตามหุ้นตัวอื่น ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ ก็มีแต่การอัพเดทรายงานงบการเงินรายไตรมาส ซึ่งจะมา 3 เดือนครั้ง 

 

กรณีหุ้น OR ก็เช่นกัน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งแรกนี้ ก็เข้ากฏของตลาดหุ้น ที่ว่าซื้อขายแน่นหนา ราคาแตะยอดนั่นคือ หุ้นที่มีการซื้อขายร้อนแรง เมื่อปริมาณการซื้อขายแน่นหนาเกินไป เข้าสู่จุดสูงสุด ราคาหุ้นก็จะแตะยอดสูงสุด ในรอบดังกล่าว เช่นกัน 

 

 ลองมาดูกันว่าหุ้น OR มีปริมาณการซื้อขายแน่นหนาแค่ไหน ราคาหุ้นแตะยอดสูงสุดอย่างไร ตามรูปนี้ครับ

 

จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายในหุ้น OR ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ(ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะครับ) วอลลุ่มซื้อขายเฉลี่ยปัจจุบันลดลงจากช่วงแรกมากกว่า 10 เท่าตัว และถ้าสังเกตจะพบว่า ในช่วงที่วอลลุ่มการซื้อขายสูงที่สุด ก็คือราคาสูงสุดพอดี ซึ่งราคาหุ้นเคยปรับขึ้น 100% แตะที่ราคา 36.50 บาท จากราคา IPO เพียง 18 บาท ตั้งแต่วันที่ 2 ของการซื้อขาย

 

ลองเปรียบเทียบกับกรณีหุ้นไอพีโอรุ่นพี่ เมื่อปีกว่าที่แล้ว ที่ราคาเคยพุ่งไป 100% จากราคาจองซื้อคือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ หุ้น BAM ซึ่งทำธุรกิจ บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย ที่เรียกว่าธุรกิจ Asset Management AMC 

 

 

ราคาไอพีโอของ BAM ใกล้เคียงกับ OR มาก (BAM ราคาไอพีโอ 17.50 บาท, OR ราคาไอพีโอ 18 บาท)  

  • BAM ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน ขึ้นไป 100% ราคาสูงสุดที่ 36.25 บาท แล้วหลังจากนั้น ก็ไม่เคยเข้าใกล้ราคานั้นอีกเลย (วันนี้ 12 มี.. = 21.80 บาท)
  • OR ใช้เวลาเพียง 2 วัน ขึ้นไป 100% สูงสุดที่ 36.50 บาท (วันนี้ 12 มี.. = 30.25 บาท)

 

ในมุมมอง Fundamental หุ้นในธุรกิจ AMC บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย แบบมีหลักประกัน ... ไม่ใช่ super growth stock ที่จะสามารถมีกำไรโตเร็วและแรงเป็นเท่าตัวได้ในปีเดียว ราคาที่ปรับลดลงมาในช่วงนี้ย่อมดูสมเหตุสมผลมากกว่าราคาตอนพีคแน่นอน ดูน่าติดตาม

 

ในกรณีหุ้น OR ที่ราคาเคยบวก 100% จากราคาจองซื้อ สาย Fundamental คงหาคำอธิบายเส้นทางไปต่อได้ยาก ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาจะทำให้ Valuation ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่จะเหมาะสมกับพีอี 40 เท่า .ปัจจุบันเพียงใด คงต้องพิจารณากับพื้นฐานกิจการที่จะสะท้อนออกมาผ่านงบการเงินที่จะทยอยประกาศออกมาตลอดปี 2564 นี้อีก 3 ครั้ง เพื่อประเมินราคาที่เหมาะสมกันต่อไป 

 

เพราะหุ้นพื้นฐานดีอย่างเดียวไม่พอ นักลงทุนต้องเข้าลงทุนที่ราคาดีด้วย นี่คือกฏการลงทุน Good Stock at Good Price ที่จะพานักลงทุนได้เปรียบในสนามการลงทุนครับ


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง