อย่างที่นักลงทุนทราบกันว่า การทำ Greenshoe มักจะทำหุ้นที่เข้าตลาดมาได้ไม่กี่วันเพื่อปกป้องเสถียรภาพของราคาหุ้น ณ วันเปิดตลาดไม่ให้มีความผิดปกติ โดยวิธีการนี้เป็นวิธีที่โปร่งใส และถูกต้องตามกฏระเบียนของตลาดหลักทรัพย์
... โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (Greenshoe Option) ซึ่งยืมจาก PTT จำนวน 390 ล้านหุ้น รวม 3 พันล้านบาท และครบกำหนดในวันที่ 12 มีนาคม 2564 ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่า เมื่อหมดกรีนชูแล้ว ราคาหุ้น OR จะเป็นอย่างไรต่อไป
บล.เอเอสแอล แสดงความเห็นว่า จะไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นบนกระดานมากเพราะเป็นหุ้นที่นักลงทุนสถาบันถือกันเป็นจำนวนมาก ประกอบกับพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง มีเงินปันผล ยังไงสถาบันก็ต้องถือเพื่อการลงทุน
... ส่วนในแง่ของราคา น่าจะออกลักษณะซึมๆไปอีกประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ราคาหุ้นสร้างฐานราคา ต่อจากนั้นอาจจะเป็นลักษณะแกว่งตัวขึ้นจากการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบัน
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าผลประกอบการในอนาคตยังเติบโตแข็งแกร่ง
บล.โนมูระ วิเคราะห์ว่าภาพระยะสั้นของ OR ไม่มีปัจจัยหนุน จาก 3 เหตุผลด้วยกันคือ
1. แนวโน้ม Marketing Margin ลดลงในไตรมาส 1 ปีนี้
2. การขยายสถานีบริการยังไม่เร่งตัวมาก
3. ปันผล 0.1 บาท ที่บริษัทได้ประกาศออกมานั้นเมื่อเทียบกับราคา คิดเป็น Yield ราวๆ 0.3% ถือว่าไม่ได้สูง
โดยมุมมองบทวิเคราะห์มองว่าราคาหุ้นสะท้อนการเติบโตไปพอสมควรแล้ว ในขณะที่หุ้นตัวอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น PTG หรือ BCP มี Valuation ที่ถูกกว่า OR
สรุปแล้วภาพของ OR ในแง่ของราคาหุ้นไม่ได้น่ากลัวมากเพราะเป็นหุ้นที่สถาบันถือครองเยอะ แต่นักลงทุนต้องเข้าใจว่า ณ ระดับราคานี้ของ OR ถือว่ารับรู้การเติบโตไปพอสมควร จะขึ้นต่ออีกนั้น บริษัทอาจจะต้องแสดงให้เห็นว่ามี Growth ที่มากพอ
ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดครับ
------------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
สำนักข่าวข่าวหุ้นธุรกิจ