มีการคุยกันเยอะ ถึงกระแส New Normal อะไรคือสิ่งไม่ปกติ และสิ่งที่จะกลายเป็นเรื่องปกติของโลก
มาดูกัน
1. คนแต่ละ Generation คิดต่างกัน เกิดความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจและการหาเงิน
..จากรุ่นปู่ ทำงานแล้วเก็บไม่ใช้
..มารุ่นพ่อ ทำงานต่อจากปู่ แล้วใช้บ้าง
..มารุ่นลูก ใช้ตั้งแต่ยังไม่ทำงาน
..รุ่นนี้เราพูดถึงการให้เงินทำงานแทน และการสร้างธุรกิจ Start-Up เปลี่ยนโลก
ไม่มี Generation ไหนคิดเหมือนกันหรอก แต่สุดท้ายทุก Gen จะมี คนส่วนน้อยที่ประสบความสำเร็จและรวยโคตร เหมือนเดิม
...อันนี้เหมือนเดิม ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนยังไง คนส่วนใหญ่ต้องซวยเสมอ และก็มีคนส่วนน้อย รวยเสมอ ....คุณเคยถามตัวเองไหมว่า เรากำลังใช้ชีวิตเพื่อเป็นคนส่วนน้อย หรือส่วนใหญ่
2. ชีวิตไม่มีทางเลือกหรอก
แต่ลืมไปว่า ไอ้คนพูด มันเลือกตั้งแต่โรงเรียน เรียนที่ไหน เรียนวิชาชีพอะไร ..ทำงานอะไร เลือกบ้านแบบไหน ..เลือกครอบครัว ก็เราเลือกทั้งนั้น จะบอกไม่มีทางเลือกได้ไง
...New Normal ในยุคนี้คือ มนุษย์ทุกคนมีทางเลือก จนเลือกไม่ถูก
...ถ้าตั้งสติ คิดก่อนเลือกมากขึ้น ชีวิตจะค่อยๆ ดีขึ้น
ผมเลือกที่จะลงทุนเยอะในเวลาที่ตลาดดูน่ากลัว ..พอเงินผมเยอะขึ้น ก็ยังเลือกลงทุนมากขึ้นอยู่ดี หาเท่าไหร่จริงๆ ไม่สำคัญถ้าใช้มากกว่าหา ...ที่แจ๋ว คือ แบ่งเงินที่หามาเรียนเป็นนักลงทุน พอลงทุนเป็น เงินมันก็โตเองได้ ชีวิตมันก็เปลี่ยน ก็แค่นั้นเอง
3. คนหมิ่นเงินน้อย เลยไม่ลงทุน
คิดว่าเงินน้อยไป ..โคตรผิด ..การที่เงินจะโต อย่าหมิ่นเงินน้อย
....ถ้าเงินหมื่นโตร้อยเท่า มันก็คือ เงินล้าน ..ถ้าปลูกเงินเป็น เงินมันก็โตได้ ..ยิ่งเงินน้อย ยิ่งต้องลงทุนเป็น คนส่วนใหญ่กลับเลือกทำตรงข้าม
4. ค่าครองชีพจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
..ยุคนี้ดอกเบี้ยต่ำ และต่ำไปอีกนาน ทำให้คนส่วนใหญ่คิดว่า งั้นก็ไม่มีเงินเฟ้อซิ
..ผิดแล้วครับ ตรงข้าม ...ค่าครองชีพมีแต่ขึ้นครับ เงินคุณไม่ว่าจะมีไม่มีดอกเบี้ยหรือไม่ มูลค่าเงินมันก็ลดอยู่ดี ..ยิ่งดอกเบี้ยต่ำ แล้วลงทุนไม่เป็น ยิ่งซวยหนัก เพราะ คนรวยเขาดันลงทุนเป็น
...ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีคิด ความซวยจะมาเยือน แถมเราจะส่งต่อความซวยให้ลูกหลานต่อไป เพราะค่าครองชีพมันจะแพงไปเรื่อยๆ และความห่างของสังคมมันก็จะห่างไปเรื่อยๆ ...ไม่มีข้ออ้างเลย ที่จะไม่ลงทุน
5. อายุคนเพิ่ม ค่ารักษาพยาบาล จะแพงขึ้นเรื่อยๆ
..ไม่เห็นยุคไหนที่ค่ารักษาถูกลง มีแต่แพงขึ้น ..แล้วก็ไม่มีการรักษาที่เท่าเทียม ...ผมคิดเสมอว่า ถ้าครอบครัวผมไม่สบาย ผมต้องให้การรักษาที่ดีที่สุด ...เงินส่วนนึงที่ลงทุน ผมปลูกให้มันโต เตรียมไว้รักษาคนที่ผมรัก ในเวลาที่จำเป็น
6. ค่าจ้างมีแต่ลดลง
ค่าจ้างทุกยุคเทียบค่าครองชีพ มีแต่ต่ำลงเรื่อยๆ ..มีแต่ ค่าจ้างตัวเอง เท่านั้นที่เราเพิ่มมันได้
..คนยุคนี้ถึงมีทั้งงานประจำ และงานเสริม ...งานประจำทำประทังชีวิต ส่วนงานเสริมมีไว้เปลี่ยนชีวิต แต่คนส่วนใหญ่มีแต่งานประจำ แล้วมีแต่งานอดิเรก งานอดิเรกมันเสียตังค์ คุณต้องเปลี่ยนงานอดิเรกให้มันทำเงิน โดยอย่าทำเป็นเล่น ถ้าคุณเอาจริงกับงานอดิเรก ศึกษาจริง รู้ลึกจริง มุ่งมั่นนอกเวลางานประจำ เปลี่ยนมันเป็น Passion เดี๋ยวสิ่งนี้แหละจะเปลี่ยนชีวิตเราในที่สุด
7. หางานทำที่มั่นคง ไม่มีแล้ว
..โลกยุคใหม่ไม่มีงานที่มั่นคง ..ธุรกิจใหญ่ยังเจ๊งได้ ถามหน่อยมีอะไรที่มั่นคง
...ยุค New Normal เราต้องเปลี่ยนตัวเราเองให้มั่นคง เพราะยุคนี้ งานมั่นคงไม่มีแล้ว แต่ตัวเรามั่นคงได้ เพราะ เรามีรายได้จากหลายทาง มีรายได้จากสิ่งที่ลงทุนไว้
... เปลี่ยนตัวเราให้มั่นคง นี่คือ ของจริง
8. พลังงาน ในระยะยาวมันแพง
วันนี้น้ำมันอาจจะถูกชั่วคราว แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในระยะยาวพลังงานแพง
..ผมลงทุนเป็นเจ้าของบริษัทพลังงานเป็นส่วนนึงของพอร์ตเสมอเวลามันถูก เพราะในระยะยาวมนุษย์ต้องใช้พลังงาน
..ลงทุนมันต้องมองยาว ไม่ใช่แค่ตามกระแส นั่นมันเก็งกำไร ขำขำ
ชีวิตเรามันยาว ทำอะไรให้มองยาวบ้าง อย่าแค่ขำขำ
9. กลัวอะไร คนเราล้มได้ ก็ลุกเองได้
..ตอนผมเด็กๆ ผมเป็นเด็กขี้กลัว ..กลัวเจ๊ง ..กลัวล้ม ..กลัวผิด ..กลัวเสียหน้า ..กลัวเพื่อนล้อ ..กลัวเพื่อนไม่ยอมรับ ..เดี๋ยวนี้รู้แล้วว่า 'กลัวอะไร?' ล้มแล้ว ลุกได้นี่หว่า -- ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ
ล้ม ก็ลุกดิ , ลงทุนพลาด ก็เอาใหม่ดิ , ธุรกิจเจ๊ง ก็ลองใหม่ดิ , ตกงาน ก็หางานใหม่ , ไม่มีใครจ้าง ก็สร้างงานเองดิ
...ถ้าคุณลองล้มในชีวิตสักครั้ง คุณจะเข้าใจว่า โลกนี้ความล้มเหลวไม่ได้น่ากลัวแบบที่คนเขาพูดกัน
ในความล้มเหลวมีความรู้และปัญญาแอบซ่อนอยู่ ...นั่นแหละตัวเปลี่ยนชีวิ
New Normal คือตัวเรา คือ ผู้เลือกและกำหนดชีวิตของเราเอง ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม