#แนวคิดด้านการลงทุน

ความเชื่อผิดๆ ในโลกการลงทุน ตอนที่ 2

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
86 views

ตอนที่แล้วผมได้พูดถึงความเชื่อผิดๆ ไป 3 ข้อ คือ เรื่องของทิศทางราคากับกำไร การขายเมื่อเต็มมูลค่า และลงทุนหาค่ากับข้าววันละพัน วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังต่อว่ามีเรื่องอะไรอีกที่เรามักจะมองกันผิด

 

1. ราคาหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว คงไปได้อีกไม่ไกล

หุ้นร้านขายมือถือ อุปกรณ์ไอทีขึ้นมาจาก 13 มา 30 บาท ขึ้นมากว่า 100% เราคิดว่าแพงแล้ว เดี๋ยวก็ต้องลง สุดท้ายวิ่งไปเกือบ 50 บาท หุ้นเหล็กจากไม่ถึงบาท วิ่งมา 3 บาท นี่ก็เยอะมากแล้ว เราเห็นก็ขอผ่าน ทั้งๆ ทีก็รู้ว่างบดี สุดท้ายวิ่งต่อเลยไป 6 บาท และอีกหลายตัวทั้งหุ้นนายหน้าประกัน หุ้นเครื่องดื่ม หุ้นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาขึ้นมาเป็นเด้งแล้ว แต่ก็ยังขึ้นต่อไปได้อีก

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ เราชอบเปรียบเทียบเชิงตัวเลข ชอบทำเปอร์เซ็นต์ ดูว่าหุ้นตัวนั้นเคยลงไปที่ราคาไหน ตอนนี้ขึ้นมาเยอะหรือยัง ถ้าขึ้นสูงแล้ว เราก็จะเกิดความกลัวว่า ราคาไม่น่าไปต่อได้อีก เป็นการใช้ความรู้สึกล้วนๆ ในการตัดสินโดยดูจากแค่ตัวเลขเปรียบเทียบกัน

 

แต่สิ่งที่เราควรเปลี่ยนมุมมองในการคิดมี 2 ข้อ ด้วยกัน คือ

  • ไม่ต้องดูว่า ราคาปัจจุบันมาจากไหน ขึ้นมาเยอะแล้วหรือยัง แต่ควรดูว่า ราคาจะไปต่อได้อีกไกลแค่ไหน มูลค่าหุ้นที่ควรจะเป็นคือกี่บาท แล้วมี upside มากพอที่เราควรเข้าไปลงทุนหรือไม่ พูดง่ายๆ คือ ราคาจากปัจจุบันไปอนาคตนั้นสำคัญกว่า ราคาที่เดินมาจากอดีตถึงปัจจุบัน
  • ให้มองว่า การที่หุ้นขึ้นมาได้หลายเปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเด้ง นั่นเป็นเพราะว่าหุ้นตัวนี้ได้แสดงศักยภาพการเติบโตออกมาให้หลายคนเห็นและเชื่อจนซื้อขึ้นมา แปลว่าน่าจะเป็นหุ้นที่ดี หุ้นที่แข็งแกร่งจริงๆ โอกาสที่คนจะเห็นเพิ่มขึ้นก็จะมีอีก และราคาก็น่าจะขึ้นต่อไปได้อีกตราบเท่าที่คุณภาพการเติบโตยังดีอยู่

 

2. ทุนน้อย ต้อง All in

มือใหม่หลายคนที่เพิ่งเข้าตลาดมาไม่นาน แต่อยากรวยเร็ว อดทนรอการเติบโตปีละ 10-15% ไปเรื่อยๆ ไม่ไหว อยากได้หุ้นที่โตปีละ 50%, 100% มากกว่า และคิดว่าด้วยเงินที่มีน้อย ต้องทุ่มเงินทั้งหมดไปในหุ้นแค่ตัวเดียว จะได้ทำให้พอร์ตโตได้ไว

 

ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ แทนที่พอร์ตจะโตระเบิด กลายเป็นพอร์ตแตกระเบิด เพราะว่าลงทุนในหุ้นผิดตัว ขาดทุนไปแล้วเสียหายหนัก เอากลับคืนมาไม่ได้ง่าย เพราะว่าลงทุนกระจุกตัวเกินไป เงินที่น้อยอยู่แล้ว ก็เลยเหลือน้อยเข้าไปใหญ่

 

จริงๆ แล้วไม่แนะนำเลย ให้ทุ่มทั้งหมดที่มีไปกับหุ้นตัวเดียว เพราะเราอาจไม่รู้เลยว่า ภาพที่ดี งบที่โต วันนึงจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า บางทีเป็นเรื่องการเมือง เช่น หุ้นยางมะตอยที่กำลังมาดีๆ โดนกีดกันเรื่องแหล่งวัตถุดิบ ก็เกิดผลกระทบรุนแรงทันที หุ้นรับเหมาที่คิดว่าจะมีงานประมูลเยอะ ก็ดันมาเจอ COVID หรือเจอคู่แข่งยื่นเรื่องฟ้องร้อง งานต่างๆ ก็ล่าช้า backlog ก็จวนเจียนจะหมด แบบนี้ยิ่งแย่กว่าอีก

 

อย่างน้อยเราควรกระจายความเสี่ยงอาจจะ 4-5 ตัว เอาเท่าที่เราจะสามารถติดตามผลประกอบการ ข้อมูลข่าวสารเชิงลึกได้อย่างดี และเป็นหุ้นที่เราจะเข้าใจได้มากที่สุด เพราะว่าพอเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ถ้าหุ้นลงไป 1 ตัว เรายังมีอีก 4 ตัว ที่คอยประคองพอร์ตเราไว้ได้ เราก็จะไม่เจ็บหนัก 

 

สิ่งสำคัญของการลงทุน คือ ขาดทุนได้ แต่อย่าให้หมดตัว เพราะเราจะไม่มีโอกาสกลับมาแก้ไขได้ใหม่ 

 

3. VI ต้องถือยาว

หลายคนติดภาพว่า นักลงทุนแนว VI หรือ Value Investor ต้องซื้อหุ้นแล้วไม่ขายเลย หรือต้องถือ 5 ปี 10 ปี บางทีก็กินปันผลไปด้วย ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็คาดหวังว่า ชื่อของ VI จะยังคงอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นตลอดเวลา

 

ปัญหาคือ เราเอาความคิดนี้มาใช้กับตัวเองด้วย โดยที่ซื้อหุ้นมาแล้วก็ไม่ได้ตามดูมากนัก กะว่าถือยาวไปหลายๆ ปี น่าจะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แต่พอเวลาผ่านไปซัก 5 ปี เราเปิดพอร์ตมาดู แทบจะเป็นลม นึกว่าดูผิด ทำไมพอร์ตถึงได้แดงขนาดนี้

 

จริงๆ แล้วหลักการ VI คือ 

  • ซื้อหุ้นที่ดี under value หรือราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของกิจการ >> แปลว่า ถ้าราคาขึ้นมาเต็มมูลค่าเมื่อไหร่ เราสามารถขายได้ ถึงแม้ว่าเราจะเพิ่งซื้อมา 3 เดือนก็ตาม คือ ระยะเวลาไม่ได้บอกว่าเป็น VI หรือไม่ แต่เราดูที่มูลค่ามากกว่า
  • คอยติดตามผลการดำเนินงานอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาประกาศงบแต่ละไตรมาส >> เหตุผลก็เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ เช่น กำไรลดลง จากการที่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา ทำให้รายได้ลด แต่ต้นทุนลดไม่ได้เพราะเป็นต้นทุนคงที่เยอะ เลยทำให้กำไรหดตัวแรง ถ้าเราดูแนวโน้มแล้ว จะโดนกินหนักแน่ๆ เราก็สามารถขายหุ้นได้เลย เพราะพื้นฐานเปลี่ยน ไม่ต้องรอให้ครบปีถึงจะขาย

 

ฝากให้ทุกคนได้ลองคิดกันดูนะครับว่าเคยคิดเคยเชื่ออะไรแบบนี้บ้างหรือเปล่า เพราะถ้าเรารู้เท่าทันความคิดต่างๆ ได้ทัน บวกกับประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากตลาดหุ้นในแต่ละวัน ก็จะช่วยให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่งและปั้นพอร์ตให้เติบโตได้อย่างมั่นคง


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง