ช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้นมาอย่างมากแล้ว คำถามหนึ่งคือ ซื้อได้ไหม ... ซื้อได้หรือยัง
แต่สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับการซื้อ คือ การขาย
...กลับไม่เคยได้รับความสนใจเท่าที่ควร
ด้วยเหตุนี้เอง นักลงทุนจึงควรกลับมาพิจารณาในเรื่องของการขายบ้าง แต่ประเด็นสำคัญคือ นักลงทุนระยะยาวที่เรียกตัวเองว่าเป็น "วีไอ" นั้น เราควรจะขายหุ้นเมื่อไร
นี้เป็นคำแนะนำ 3 ข้อ สั้นๆแบบนี้ครับ
1. มูลค่าพื้นฐาน อยู่ที่เท่าไร
สิ่งแรกที่ควรจะทำ คือ ประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้นว่า ควรจะอยู่ที่ราคาเท่าไร เราอาจจะพิจารณาง่ายๆจากค่า P/E หรือค่า P/BV ที่เป็นหลักการง่ายๆ เช่น หุ้นค้าปลีกไม่ควรมี P/E เกินกว่า 25 เท่า แต่หุ้นค้าปลีกที่เราถือ ราคาหุ้นขึ้นมาแตะระดับ P/E สูงถึง 32 เท่า เกินกว่าอุตสาหกรรม
ด้วยสาเหตุนี้เราก็อาจจะพิจารณา "ขาย" ออกไป ครับ
2. พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไป
หลังจากเราถือหุ้นมาสักระยะหนึ่ง โดยไม่ได้สนใจว่าหุ้นจะขึ้นหรือจะลง แต่เป็นเรื่องของการติดตามบริษัท ผลการดำเนิน เรารู้สึกว่าผลประกอบการมีแนวโน้มแย่ลง เช่น จากสภาพของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมของผู้บริโภค การเข้ามาของคู่แข่ง สงครามราคา สิ่งเหล่านี้ทำให้ "พื้นฐานเปลี่ยน"
ถ้าเป็นแบบนี้ การขายหุ้นจึงเป็นทางเลือกที่ดี แม้ว่าเราจะขาดทุนก็ตาม
3. มีหุ้นตัวใหม่ ที่น่าสนใจมากกว่า
ถ้าเรามีทางเลือกตัวอื่นที่ดีกว่า คุ้มค่ากว่า แต่เรามีเงินจำกัด เราก็อาจจะพิจารณาขายหุ้นที่ถือหุ้น เพื่อไปซื้อตัวใหม่ที่คุ้มค่ากว่า
โดยสรุปแล้ว การขายหุ้น สำคัญพอๆกับจังหวะของการซื้อ เพียงแต่เรื่องของการซื้อเป็นเรื่องของสภาวะตลาดที่ขึ้นมาระดับหนึ่ง ใครๆก็ทำเงินจากหุ้น นักลงทุนทั่วไปก็เลยอยากจะซื้อตามๆกัน แต่เราต้องคิดเสมอว่า จังหวะที่เราอยากซื้อหุ้นมากๆ อาจจะเป็นจังหวะของการขายมากกว่า และหลักเกณฑ์ที่เราใช้ในการขายหุ้นของวีไอ ประกอบไปด้วยหลักๆ 3 ข้อ คือ หุ้นเกินมูลค่าพื้นฐานไปเยอะมาก พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยน หรือเรามีหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจมากกว่า