ประเด็นที่น่าติดตามประเด็นหนึ่งที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดเงินก็คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือที่เราเรียกสั้นๆว่า FED
หลายๆคนคงทราบถึง การประชุมครั้งล่าสุดของ FED ที่มีผลสรุปอกมาว่า FED มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม จากข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และสัญญาทองคำ ปิดบวกหลังการประกาศดังกล่าว เราลองมาคุยกันถึงเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยของ FED กันดูค่ะ
สาเหตุที่ต้องมีการลด/ขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หน้าที่หลักของธนาคารกลางคือการดูแล “สุขภาพ” ของเศรษฐกิจ ให้ลองคิดว่าระบบเศรษฐกิจเป็นเหมือนรถคันหนึ่งค่ะ ซึ่งเป็นรถคันใหญ่บรรจุคนเต็มคันรถ และมีคนขับรถอยู่คนหนึ่ง ซึ่งคนขับรถเปรียบได้กับธนาคารกลางหรือ FED
...คนนั่งจะรู้สึกสบายถ้ารถคันนี้ไม่ขับเร็วหรือช้าจนเกินไป
ถ้าหากว่ารถคันนี้ขับช้าไป หน้าที่ของคนขับก็คือต้องเร่งความเร็วขึ้น คนในรถบางคนอาจจะชอบ แต่ก็มีอีกหลายคนที่อาจจะรู้สึกเบื่อหน่าย เช่นเดียวกันถ้ารถคันนี้วิ่งเร็วเกินไป คนขับก็จะต้องลดความเร็วของรถคันนี้ลง คนนั่งบางคนอาจจะชอบความเร็ว แต่ก็อาจจะรู้สึกสนุกชั่วคราว พอนานๆเข้า มันก็ไม่ได้เป็นผลดีกับเครื่องยนต์แน่นอนค่ะ ดังนั้นหน้าที่ของคนขับก็คือรักษาสมดุลให้อยู่ในจุดที่คนส่วนมากพอใจ
ดังนั้นหน้าที่ของธนาคารกลางก็คือ
พยายามควบคุมเสถียรภาพไม่ให้เศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินไป หรือ ตกต่ำเกินไป
อัตราดอกเบี้ย กับ เงินเฟ้อ
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยโดยดูตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่งควบคู่ไปด้วย นั้นก็คืออัตราเงินเฟ้อนั้นเองค่ะ
ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ คนส่วนใหญ่มักจะกู้เงินเพิ่มขึ้นด้วยจุดประสงค์ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหรือ กู้เพื่อซื้อบ้าน ฯลฯ เมื่อระบบเศรษฐกิจมีเงินไหลเวียนมากขึ้น ก็ย่อมส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเติบโตตาม ในทางเดียวกันหากอัตราดอกเบี้ยสูง ประชาชนมีการใช้จ่ายน้อยลง ก็ย่อมส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อต่ำเช่นเดียวกันค่ะ
เป็นเวลานานกว่า 7 ปีแล้ว ที่ FED คงอัตราดอกเบี้ยไว้ระหว่าง 0% - 0.25% แสดงในเห็นถึงยุคเสื่อมถอยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์หลายๆสำนัก มีการคาดการณ์ว่า FED อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป (ซึ่งน่าจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้) ในวันที่ 15-16 ธ.ค นี้
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ลงความเห็นว่า FED จะยังไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้ หากดูจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาก็ยังไม่ดีเท่าไรนัก ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับคงที่ อัตราการว่างงานดีขึ้นแค่เล็กน้อย บางคนก็คาดการณ์ว่า เนื่องจากเศรษฐกิจของหลายๆประเทศโดยเฉพาะจีนยังไม่เติบโตเท่าไรนัก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นเหมือนกับบูมเมอแรง ที่ส่งผลกระทบ (ด้านลบ) แก่ประเทศอื่นๆ ซึ่งท้ายสุดแล้วก็จะกลับมากระทบกับด้าน Trade ของอเมริกาอีกเหมือนเดิม เศรษฐกิจอเมริกาก็จะได้รับผลกระทบอีกครั้ง
นักวิเคราะห์หลายหลายคน ถึงกับเหนื่อยหน่ายที่จะคาดการณ์การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา เพราะ FED ออกมาพูดหลายครั้งแล้วว่าจะขึ้นดอกเบี้ย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถจะขึ้นได้จริงๆ ซักที
ลองมาดูกันนะคะ ว่าไม้สุดท้ายของปีนี้ในเดือนธันวา จะออกหัวหรือออกก้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.nytimes.com