1.
ความพยายามในการพัฒนาวัคซีน และเริ่มฉีดแบบจริงจังให้คนในชาติ
ในประเทศสหรัฐฯกำลังเห็นผลแบบชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
บอกตามตรง ทีแรกผมก็แอบหวั่นใจ ว่าวัคซีนจะได้ผลไหม
พอเห็นเทรนด์ได้จากข้อมูล New COVID19 Cases ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ก็รู้สึก...ดีต่อใจ ไม่น้อย
2.
ก่อนอื่น ต้องเท้าความก่อนว่า
พี่เบิ้ม USA คือประเทศที่ติดโควิดมากที่สุด ยืนหนึ่ง มาอย่างเหนียวแน่นยาวนาน
จากติดวันละสิบ เป็นร้อย ...จากร้อยเป็นพัน... จากพันเป็นหมื่น...จากหมื่นเป็นแสน
ยอดติดโควิดใหม่พุ่งไปพีคเกือบ 3 แสนรายต่อวัน ณ วันที่ 8 ม.ค. 2564
ติดเยอะแบบน่ากลัวมาก
แต่พี่เบิ้ม เขาไม่ได้ งอแฮนด์ งอฟุต ... แต่รีบรุด ทำในหลายอย่าง
นอกจากจะระดมอัดฉีด(เงิน) อุ้มคนไปต่อไม่ไหว ธุรกิจที่ทำท่าจะขาดใจ
ยังขอร้องแกมบังคับ ให้ช่วยกันใส่หน้ากากกันเยอะๆ
และระดมฉีดวัคซีนแบบเต็มกำลัง ไปพร้อมกันด้วย
3.
หลังจากนั้น ยอดติดใหม่ค่อยๆลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
-> 17 ม.ค. : ยอดติดโควิดใหม่ เหลือต่ำกว่า 2 แสนรายต่อวัน
-> 7 ก.พ. : ยอดติดโควิดใหม่ เหลือต่ำกว่า 1 แสนรายต่อวัน
กราฟติดใหม่ ลดลงเรื่อยๆ
ข้อมูลล่าสุด ยอดการติดโควิดใหม่เหลือ 89,691 รายต่อวัน (Feb 7)
4.
ในเชิงเศรษฐกิจ
หลังจากนี้ อีกไม่กี่เดือน
หลายประเทศที่ฉีดจำนวนมากๆ ... มากพอจะเกิดภูมิคุ้มกันกลุ่มใหญ่...มากถึงระดับที่พร้อมเปิดเศรษฐกิจในประเทศแบบเต็มสูบได้
จะเพิ่ม Domestic Consumption (การบริโภคในประเทศ) ในอัตราเร่ง
ความมั่นใจมา ความกล้ามี
นี่คือ เฟส Recovery (ฟื้นตัว) อย่างเร็ว
และต่อมา จะเปิดรับคนต่างชาติเข้าประเทศ มาช่วยขับเคลื่อนได้ด้วย
ประเทศเหล่านี้ จะยิ่งฟื้นเศรษฐกิจได้เร็ว
5.
ขั้นต่อไป คือการเดินทางระหว่างประเทศ
ในมุมนี้ โลกเราจะมีมนุษย์ 2 ประเภท
"ฉีดวัคซีนแล้ว" กับ "ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน"
ผมเชื่อว่า "ฉีดวัคซีนแล้ว" อาจจะเป็นหนึ่งในเงือนไขที่ต้องใช้ ในการเดินทางข้ามประเทศก็ได้
6.
ถ้าประเทศที่พร้อมกว่า เข้มแข็งกว่า
เดินทางไปยังประเทศที่ไม่พร้อม อ่อนแอกว่า
ทว่าเต็มไปด้วยทรัพยากรชั้นดี
-> คนเดินทางได้ ก็จะเข้าถึงโอกาสได้เร็วกว่า
-> คนเดินทางไม่ได้ ก็ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ จำขายทรัพย์ให้ฝ่ายแรก
เพราะหลายประเทศ ที่ถูกปิดนาน จนธุรกิจในประเทศไปต่อไม่ไหว ความช่วยเหลือไม่เพียงพอ
อยู่ให้ไหวยังยาก ไปต่อก็ลำบากยิ่ง
7.
ลองคิดถึงหัวอก เจ้าของธุรกิจ ที่แทบไม่มีรายได้เข้ามาหนึ่งปีเต็ม
มองไปข้างหน้า ... ปีใหม่ผ่านไป ตรุษจีนผ่านไป วาเลนไทน์ผ่านไป สงกรานต์ผ่านไป ใจมันเวิ้งว้าง
แบกลูกจ้าง แบกค่าเช่า แบกสารพัดต้นทุนคงที่
เผาผลาญเงินเก็บแทบหมดสิ้น
หากได้เงินเพียงน้อย ก็อาจต้องยอมปล่อยทรัพย์
เหมือนเมืองน้อย ถูกล้อมไว้นาน
ด้อยเสบียงกรัง หมดสิ้นกำลังใจ
ข้าศึกแม้มาเพียงน้อย...ก็ตีเอาเมืองได้
8.
ปีที่แล้วเราไม่มี "มหกรรมโอลิมปิค" ที่ทุกชาติจะมาแข่งกัน
แต่เรามี "มหกรรมโควิด" ที่ทุกชาติจะต้องลงแข่งขัน
-> ไม่ได้เดิมพัน ด้วยเหรียญรางวัลโอลิมปิค
-> แต่เดิมพัน ด้วยชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของคนในชาติ
ที่ผ่านมา ความเหลื่อมล้ำ ในรอบปีบนโลกนี้
เกิดจากการที่ "บริหารเศรษฐกิจ" ในช่วงโควิดได้ดีแค่ไหน
จัดสรร งบประมาณ ได้มีประสิทธิภาพเพียงไร
บริหารดี ... ประชาชน มีกำลังใจ
บริหารไม่ดี... ประชาชน ชีช้ำใจ
อันนี้แต่ละชาติ มอบเหรียญโอลิมปิคให้กันเอาเอง
9.
เฟสต่อไป คงจะเป็นเรื่องวัคซีนนี่แหละ
ถ้าเราทำได้ดี เราก็จะฟื้นดี และไปได้ดีแน่
ผมยังเชื่อมั่นว่า การแพทยืไทย เรามีความสามารถไม่แพ้ใคร
ถ้าเราบริหารจัดการเรื่องนี้ได้ดี กระจายวัคซีนได้ดี ฉีดได้เร็ว
สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ฟื้นภาคท่องเที่ยว ภาคการบริโภคในประเทศขึ้นมาได้
ครึ่งปีหลังเห็นแสงสว่าง และสว่างขึ้นเรื่อยๆยันปลายปี
ยิงยาวสว่างวาบไปปีหน้า และปีถัดๆไป
แบบนี้เศรษฐกิจไทยจักฟื้นแน่
10.
ขออนุญาตหวัง วัคซีนมาเปลี่ยนเกม
และภาวนาให้ท่องเที่ยวไทย และเศรษฐกิจไทยฐานราก ฟื้นคืนดี แบบที่สุดของหัวใจ ครับ