มีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง Stock Market Cash Flow เขียนโดย Andy Tanner มีแปลไทยด้วยใช้ชื่อว่า "สร้างกระแสเงินสดจากตลาดหุ้น" ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าเป็นหนังสือดีอีกเล่มที่ควรหามาอ่านครับ
ในหนังสือมีแนวคิดมากมาย และที่สำคัญที่ผู้เขียนคิดว่ามีประโยชน์ คือ ทำไมเรายังถึงขาดทุนในการลงทุน
แอนดี้แสดงความเห็นว่า นักลงทุนจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. ไม่มีความรู้เลย
2. พอจะมีความรู้อยู่บ้าง
3. มีความรู้
4. มีความเชี่ยวชาญ
โดยนักลงทุนทุกคนที่จะเข้ามาในโลกการลงทุนได้นั้นจำเป็นจะต้องผ่าน ข้อ 1. ก่อน คือไม่มีความรู้เลย ซึ่งตรงนี้จะแยกคนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ คนที่ไม่ได้จริงจังในการลงทุน และคนที่ "ต้องการ" สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง
คนที่ไม่ได้จริงจัง ก็คือคนที่เข้ามาเล่นๆ ซื้อๆขายๆด้วยความสนุกและคาดหวังว่าจะหาเงินเร็วๆช่วงเวลาที่ตัวเองว่าง (ซึ่งคนกว่า 90% เป็นคนกลุ่มนี้) ไม่ได้สนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม ชอบหาหุ้นเด็ดตามอินเตอร์เน็ต ซื้อตามกระแส หรือซื้อไปโดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
... จุดจบของคนกลุ่มนี้ คือ ขาดทุน
ถ้าเขามีเงินมากหน่อย ก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ถ้าเขามีเงินน้อยหน่อยก็จะออกจากตลาด และส่งต่อความเชื่อว่าการลงทุน คือการพนัน เราไม่มีทางรวยจากการลงทุนได้หรอก
ในขณะเดียวกัน คนที่ "ต้องการ" สร้างความมั่งคั่งก็จะเริ่มต้นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมต่อ การวัดมูลค่าสินทรัพย์ทำอย่างไร เริ่มเรียน เริ่มอยู่ในกลุ่มของนักลงทุนด้วยกัน เริ่มต้นลองทำด้วยตัวเองพร้อมกับศึกษาไปด้วย เมื่อผ่านไปสักระยะ คนกลุ่มนี้ก็จะขยับไปเป็นกลุ่มที่ 2 คือ พอจะมีความรู้อยู่บ้าง
คนกลุ่มที่ 2 ใช้เวลาทุ่มเทเพื่อเริ่มต้นลงทุนแบบจริงๆจังๆ อาจจะมีผิดพลาดบ้าง แต่ก็เรียนรู้จากความผิดพลาดทุกครั้ง เมื่อเขาฉลาดขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น เขาก็จะขยับไปเป็นนักลงทุนกลุ่มที่ 3 คือ มีความรู้
เมื่อเขามีความรู้ เขาจะเริ่มทำกำไรหรือสร้าง "กระแสเงินสด" (Cash Flow) ให้กับตัวเองได้ เมื่อเวลาผ่านไป กระแสเงินสดเริ่มมากขึ้น เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอระดับหนึ่ง พอร์ตการลงทุนของเขาใหญ่ขึ้นหลายเท่า สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้
... เมื่อนั้น เขาก็จะกลายเป็นนักลงทุนประเภทที่ 4 คือ มีความเชี่ยวชาญ
จะเห็นได้ว่าก่อนที่คนเราจะมาเป็นนักลงทุนประเภทที่ 4 นั้น ต้องผ่าน "มาตรวัด" มาก่อน คือ
1. ความรู้เชิงลึก
2. ทุ่มเทเวลาให้กับการลงทุนที่เราถนัด
3. ความผิดพลาด > เรียนรู้จากความผิดพลาด > เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น > ประสบการณ์ที่มากขึ้น
4. ความรู้เชิงกว้าง ที่ลึกมากขึ้น
ซึ่งนักลงทุนที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายความแค่การลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ยังรวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ คอนโดเพื่อปล่อยเช่า นักลงทุนในกองทุนรวม นักธุรกิจก็สามารถนำไปปรับใช้ได้เช่นเดียวกัน
จะเห็นได้ว่า กว่าจะมาประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น "ไม่ง่าย" เลย เพราะคนส่วนใหญ่มักจะออกจากตลาดตั้งแต่ยังเป็นนักลงทุนประเภทที่ 1 ก่อน
ดังนั้น ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ และไม่อยากขาดทุน ต้องปรับ Mindset ของตัวเองก่อนว่า ฉันเข้ามาในการลงทุนประเภทนี้ ฉันเข้ามาแบบจริงๆ ไม่ได้มาเล่นๆ เข้ามาแบบขำๆ อย่างที่คนในตลาดหุ้นชอบพูดติดตลกว่า "หาค่ากับข้าว"
เคยมีเซียนหุ้นคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ... คนส่วนใหญ่เข้ามาหาค่ากับข้าว เข้ามาเก็งกำไรขำๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งสึนามิมันมา (หมายถึงตลาดหุ้นตกอย่างหนัก) มันพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด บางทีเราอาจจะต้องคืนเงินให้กับตลาด + ดอกเบี้ย อันแสนแพงให้ตลาดหุ้นด้วย
ถ้าเราไม่อยากขาดทุนในหุ้น เริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจัง ด้วยตนเองได้แล้วครับ ...