หุ้น KISS เอาจริงๆตอนแรกแค่ฟังชื่อก็รู้สึกสะดุดใจน่าซื้อแล้ว จนต้องไปค้นหาใน google เลยว่าบริษัทนี้ทำอะไร มีความน่าสนใจมากแค่ไหน เอสเป็นว่าแค่ชื่อก็ชนะใจนักลงทุนซะแล้ว
แต่ก่อนจะซื้อนั้นเราต้องมาทำความเข้าใจพื้นฐานของหุ้นกันแบบคร่าวๆก่อน
... นี้เป็น 5 ประเด็นต้องรู้ก่อนลงทุนหุ้น KISS พร้อมมุมมองโบรคเกอร์มองหุ้นนี้กันอย่างไรบ้างครับ
#ทำธุรกิจอะไร
1. หุ้น KISS หรือ บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผู้ผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้แบรนด์หลากหลาย อย่างที่เราคุ้นกันดีคือ "โรจูคิส" ที่วางขายกันในเซเว่น มีทั้งเซรั่ม อาหารเสริม น่าจะคุ้นตากันเป็นอย่างดี
แต่จริงๆบริษัทมีผลิตภัณฑ์มากกว่านั้น เช่น Phderma, Best Korea, Sis2Sis ซึ่งก็เป็นเวชภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ ที่มีภาพลักษณ์แตกต่างกันไป ไม่ได้ขายแค่ในไทย ยังขายไปถึงต่างประเทศอีกด้วย
... พออ่านมาถึงตรงนี้ก็ทำให้นึกถึงหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หลายๆตัว เช่น DDD หรือ DOD ก็ต้องลองมาเปรียบเทียบกันดู
#จุดแข็งของบริษัท
2. บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญ และอยู่ในตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมานานถึง 13 ปี มีแบรนด์ที่ติดตลาด รวมถึงนวัตกรรมเป็นของตัวเองแล้ว รวมถึงช่องทางการขายที่หลากหลาย Platform เช่น ตามร้านสะดวกซื้อ ขายผ่านออนไลน์ ไป Partner กับกลุ่ม GMM Grammy รวมถึงส่งขายไปอินโดนีเซีย ** บริษัทเคลมว่าประสบความสำเร็จในแง่ยอดขายแล้ว ไม่ใช่พึ่งไปเปิดตลาดหรือไม่ลองผิดลองถูก
ถ้าให้สรุป ประกอบไปด้วย 3 ข้อ คือ
>>> บริษัทมี Flagship Product ที่ติดตลาดแล้วในชื่อ Rojukiss Serm อยู่ในตลาดมานานกว่า 13 ปี เติบโตเฉลี่ยช่วงปี 2560-2562 ประมาณ 92% โดยมีโครงสร้างรายได้แบบนี้ครับ
โครงสร้างตามประเทศ ..
รายได้จากประเทศไทยคิดเป็น 93%
รายได้จากต่างประเทศคิดเป็น 7%
โครงสร้างตามผลิตภัณฑ์ ...
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 83.9%
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ 12%
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 4.2%
>>> บริษัทมีหลายแบรนด์ และแต่ละแบรนด์ก็มีภาพลักษณ์ชัดเจนว่าจะเจาะลูกค้ากลุ่มไหน ไม่ใช่แค่เพื่อความงามอย่างเดียว ยังรวมถึงอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผม ซึ่งตรงกับ MegaTrend ของคนไทยที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
>>> บริษัทมีประสบการณ์ยาวนาน ทีมงานและผู้บริหารมีความชำนาญในอุตสาหกรม
#รายได้ กำไร อัตราส่วนทางการเงินสำคัญ
3. รายได้และกำไรของบริษัทที่ผ่านมาดูดีเลยทีเดียว
ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 863 ล้านบาท กำไรสุทธิ 106 ล้านบาท
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.13 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 190 ล้านบาท
9M62 บริษัทมีรายได้ 823 ล้านบาท กำไรสุทธิ 134 ล้านบาท
9M63 บริษัทมีรายได้ 729 ล้านบาท กำไรสุทธิ 140 ล้านบาท (รายได้ลด แต่กำไรเพิ่ม**)
ในข้อมูล Filling ระบุว่าอัตราส่วนสำคัญ ...
อัตรากำไรขั้นต้น 54% - 59%
อัตรากำไรสุทธิ 12% - 16%
ROA ประมาณ 16% - 25%
ROE ประมาณ 29% - 49%
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นประมาณ 0.9 เท่า
#IPO เอาเงินไปทำอะไรบ้าง
4. การเสนอขาย IPO จะเสนอช่วงราคา 8.5 - 9 บาท ด้วย PAR 0.5 บาท เท่ากับว่าบริษัทจะได้เงินไปประมาณ 510 - 540 ล้านบาท โดยจะใช้เงินไปกับ
1. เงินทุนหมุนเวียน 100 ล้านบาท
พัฒนาแบรนด์ใหม่ในชื่อ Wonder Herb ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำมาจากสมุนไพร รวมถึงผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในชื่อ Rojukiss
2. พัฒนาสินค้าใหม่ ขยายฐานลูกค้า 100 ล้านบาท
พัฒนาช่องทางการขายแบบ B2C ตรงถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น โดยรวมมือกับโอ ช้อปปิ้ง ของแกรมมี่
3. ขยายธุรกิจต่างประเทศ 50 ล้านบาท
เน้นในประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม พัฒนาการขายแบบ Omni-channelและช่องทาง E-Commerce
4. พัฒนาระบบหลังบ้าน เทคโนโลยีดิจิทัล 50 ล้านบาท
สร้างฐานข้อมูล Mobile Skin Analysis เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ผิว และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ตรงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อดิจิทัล
5. ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 210-240 ล้านบาท
#บทวิเคราะห์มองอย่างไร
5. สรุปมุมมองจากบทวิเคราะห์ว่ามองกันอย่างไรบ้างครับ
บล.ไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ว่า KISS เป็นตัวแทนของกลุ่ม Consumer ที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง ช่องทางการขายที่หลากหลาย กระจายความเสี่ยงที่ดี รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนต่างประเทศ ภาพระยะสั้นในปี 2564 การเติบโตค่อนข้างโดดเด่น และจะโตเฉลี่ยในอีก 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 29%
บล.เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า KISS เป็นผู้นำด้านสุขภาพและความงามในไทย มีศักยภาพเติบโตอีกมากทั้งในไทยและอาเซียน ฝ่ายวิจัยประเมินว่า P/E เหมาะสมอยู่ที่ 26 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มจากต่างประเทศ โดย KISS มีจุดเด่นที่ฐานกำไรยังเล็กเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดความงาม จึงมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
บล.หยวนต้า วิเคราะห์ว่า เป็นหุ้นที่น่าสนใจ โดยบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีหลากหลายผลิตภัณฑ์รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่าย ถึงแม้ว่าวิกฤต COVID-19 จะทำให้รายได้สะดุดเล็กน้อย แต่บริษัทปรับตัวดีขึ้นจากการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง และการควบคุมต้นทุนที่ดี ทำให้กำไรของบริษัทออกมาดูดี
คาดว่าปี 2564 จะกลับมาเติบโตโดดเด่น พื้นฐานแกร่ง เข้าสู่วัฐจักรขาขึ้น
โดยภาพรวมถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจไม่น้อย แต่หุ้น IPO เข้าตลาดใหม่ๆจะมีความร้อนแรงทางด้านราคาอาจจะผันผวนได้ แต่เราในฐานะนักลงทุนต้องอย่าลืมที่จะศึกษาพื้นฐานให้เข้าใจก่อนเข้าลงทุนทุกครั้งครับ
เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ....