ในตลาดหุ้นมีอุตสาหกรรมประเภทหนึ่งที่นักวิเคราะห์ยกให้เป็นธุรกิจ Defensive stock หรือหุ้นหลบภัยยามที่ตลาดหุ้นผันผวน จะเป็นหุ้นผลิตไฟฟ้าเนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอน มีผู้ซื้อรายใหญ่ในประเทศไทยที่รับซื้ออยู่และยังทำสัญญาระยะยาวทำให้มั่นใจ ได้ว่าธุรกิจไม่ผันผวนกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกๆ วัน หุ้นโรงไฟฟ้าจึงเป็นหุ้นพิมพ์นิยมในยามที่ตลาดหุ้นเป็นขาลง
ถ้าพูดถึงในตลาดหุ้นไทย หุ้นโรงไฟฟ้ามีผู้เล่นอยู่มากราย แต่ที่ใหญ่ๆจริงๆจะมีไม่กี่บริษัทเท่านั้น เราเรียกว่า IPP หรือ Independent Power Producer ผู้ผลิตไฟฟ้าของเอกชนที่จะขายไฟต่อให้กับ กฟผ. ตัวอย่างเช่น EGCO RATCH GLOW GPSC รวมถึงหุ้นถ่านหินอย่าง BANPU แล้วเราจะมาเจาะลึกหุ้นรายตัวกันภายหลังครับ ..
ถ้าเรามองดูในภาพใหญ่ อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?
จาก ภาพแสดงถึงประเทศในแถบเอเชียที่ใช้ไฟฟ้าเทียบกับ GDP ต่อหัวในปี 2555 ประเทศที่ใช้ไฟฟ้าสูงส่วนใหญ่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสิงค์โปร ส่วนประเทศกำลังพัฒนาใช้ไฟฟ้ากันไม่ถึง 10,000 MW ต่อ GDP ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย นั้นแสดงให้เห็นว่าถ้าเรา มองประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนตัวเองไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว โอกาสในการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าถือว่ายังสูงอยู่มาก
ใน ปัจจุบันประเทศไทยใช้ไฟเยอะเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยพึ่ง พิงการนำเข้าไฟฟ้าค่อนข้างสูง และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการศึกษาของทางภาครัฐพบว่าประเทศไทยเมื่อเปิด AEC แล้วความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นปีละ 5% จนถึงปี 2563 ซึ่งมาจากโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก
ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า ของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกราฟจะเห็นได้ว่าเส้นสีฟ้าคือซัพพลายของระบบ ประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าได้เท่าไร ส่วนเส้นสีส้มคือดีมานต์ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้า เรามองแล้วอาจจะสงสัยว่าทำไม ซัพลายถึงมากกว่าดีมานต์ ละ? แบบนี้ไฟฟ้าก็ต้องมีราคาถูกใช่หรือเปล่า ? ไม่ใช่แบบนั้นครับ เรื่องของไฟฟ้านั้นทางการไฟฟ้าจะต้องมีการตั้งสำรองไว้อยู่เสมอเพราะโรงงาน ไฟฟ้าอาจจะต้องมีการปิดปรับปรุงระบบ ดังนั้นจะต้องมีการตั้งเผื่อไว้อยู่เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่การปิดปรับปรุงโรงงานไฟฟ้าจะใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน จะต้องหาแหล่งสำรองมาเผื่อไว้อยู่ตลอดเวลา
ที่ผ่านมา กฟผ. สามารถผลิตไฟฟ้าได้เองประมาณ 45% ส่วนที่เหลืออีก 55% มาจากการซื้อกับภาคเอกชนและพึ่งพิงการนำเข้าเป็นหลักครับ
แนวโน้มการผลิตไฟฟ้าในอนาคต
ทาง ภาครัฐได้มีการคาดการณ์ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในอนาคตจากปี 2557 จนถึงปี 2573 เราจะใช้พลังงานประมาณ 50,000 MW นั้นแสดงว่าจะโตประมาณ 4.4% ต่อปี หรือมากกว่านั้นเพราะทางรัฐบาลมีการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติให้มีการ ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นในประเทศ มีการทำโซนนิ่งนิคมอุตสาหกรรม การใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยจะมากขึ้นไปอีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม กฟผ.ก็ส่งเสริมเอกชนให้มีการผลิตไฟฟ้ามากยิ่งขึ้นโดยการรับซื้อเองทั้งหมด หรืออนุญาตขายให้กับโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรง ในปี 2573 เราจะมีพลังงานสำรองประมาณ 70,000 MW
ใน ปัจจุบัน เราใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนอันดับ 1 ของพลังงานทั้งหมด รองลงมาเป็นถ่านหินลิกไนต์ซึ่งคนเชื่อกันว่าเป็นพลังงานสกปรกก่อให้เกิดมล ภาวะ แต่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถคัดกรองให้ถ่านหินกลายเป็นพลังงานสะอาดได้ไม่ยาก และมีการนำทุกๆส่วนผลพลอยได้จากถ่านหินมาใช้ให้เกิดสูงสุดเช่น ผงถ่านหินที่เกิดจากการเผานำไปผสมกับผงปูนซึ่งมีรายใหญ่ในการรับซื้อ พลังงานความร้อนที่เกิดจากการเผานำไปอุ่นน้ำทำให้น้ำร้อนและส่งต่อเป็นไอน้ำ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เป็นต้น
นี้ก็เป็นข้อมุลคร่าวๆที่รวบรวมมา จากรายงานประจำปีหลากหลายบริษัทครับซึ่งส่วนใหญ่ทำธุรกิจหลักในการผลิตไฟฟ้า เช่น EGCO GLOW GPSC BANPU
ตอนต่อไปเราจะมาเจาะลึกหุ้นโรงไฟฟ้าแบบรายตัวกันครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
ติดปีกความรู้เรื่องหุ้น ไม่พลาดสิ่งที่คุณต้องรู้
ติดตาม LINE@stock2morrow