เจอคำถามว่า PTTOR ว่าจะมา Listing ทำไม
อยู่กับ PTT ก็ดีอยู่แล้วนี่พี่ ?
คือ ต้องบอกว่าเหมือนแม่(PTT) ทำศูนย์อาหาร
แล้วมีลูกหลายคน เปิดร้านอาหารรวมๆกันในนั้น
ลูกคนนึงขายอาหารไทย
ขายดีมากก็ควรแยก(Spin Off) ไปเปิดร้านต่างหาก จะได้เจริญๆ
ลูกคนนึงขายอาหารจีน... ลูกคนนึงขายปิ้งย่าง... ลูกคนนึงขายชาบู...
ขายดีมากก็ควรแยก(Spin Off) ไปเปิดร้านต่างหาก จะได้เจริญๆ
ปรากฎว่าแม่คนนี้ ลูกๆมีฝีมือทำอาหารจัดจ้านมาก
ส่งลูกไปเปิดร้านอาหารเองไปหลายคนแล้ว ทั้ง PTTEP(สำรวจและผลิต) , PTTGC(ปิโตรเคมี), TOP(โรงกลั่น), GPSC(โรงไฟฟ้า แบตเตอรี่)
วันนี้ ลูกคนสุดท้อง เติบใหญ่ขึ้นมาก ชื่อ PTTOR
จับเอาส่วนที่เกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกของ ปตท. ทั้งหมดเข้ามา
ธุรกิจที่โดดเด่นและมาถึงจุด “ผู้ชนะ” ที่ได้ทั้งแบรนด์และการประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) แล้วคือ ธุรกิจปั๊มน้ำมัน กับร้านกาแฟอมาซอน
นี่คือการ Spin Off เพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และโฟกัสในการลงทุน
------------------
ข้อดีของการแยก PTTOR ออกมา มีหลายอย่างนะ ...
1. "ปลดล็อค" มูลค่าของ ธุรกิจค้าปลีก ออกจากแม่ PTT
ต้องไม่ลืมว่า PTT เป็น Holding Company ที่ไส้ในเต็มไปด้วยธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมัน ปิโตรฯขั้นต้น ขั้นปลาย ค่าการกลั่นน้ำมัน
ราคาสเปรดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และราคาน้ำมัน มีการแกว่งตัวรุนแรงมากตามภาวะเศรษฐกิจโลก กำไรก็ผันผวนมากในระยะหลัง ราคาหุ้นผันผวนตามไปด้วย
ปกติ ตลาดจึงให้ P/E หุ้น PTT ไม่สูงครับ ถ้าแยกลูกออกมาเป็นหุ้นค้าปลีก คราวนี้ก็จะวิเคราะห์แบบชัดๆเลย เทียบกับ Peer ที่เป็นค้าปลีกด้วยกัน ตลาด ให้ P/E สูงกว่า
2. โฟกัสในการบริหาร การจัดการ และการลงทุน รับผิดชอบกำไรขาดทุน แบกความคาดหวังของนักลงทุนในฐานะบริษัทมหาชนด้วยตัวเอง
ชกสมศักดิ์ศรี ...ดีกว่าการเป็นเพียง Business Unit หนึ่งใน PTT
3. เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ ให้ธุรกิจค้าปลีกเองในระยะยาว
อนาคตของ PTTOR ต้องโฟกัสที่การขยายธุรกิจส่วน non-oil ให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Café Amazon, Fit Auto, Texas Chicken ฯลฯ และธุรกิจอื่นๆที่จะวางลงไปในพื้นที่ปั๊มน้ำมันได้อีก ซึ่งอาจช่วยให้อัตรา Net Profit Margin (อัตรากำไรสุทธิ) สูงขึ้นกว่าเดิมได้ เมื่อคูณกับขนาดของฐานรายได้ที่ใหญ่มาก หมายถึงโอกาสการเพิ่มกำไรสุทธิในอนาคต
--------------------
ความเห็นส่วนตัว ...
>> ธุรกิจ PTTOR จัดว่ามีความน่าสนใจนะ แผนธุรกิจขยายปั๊มน้ำมันและร้านกาแฟยังมีชัดเจน
>> เจ้าของธุรกิจพลังงานที่เปิดร้านกาแฟ กระทั่งเป็น No.1 ได้นี่ต้องยอมรับว่าผู้บริหารเขามีฝีมือนะ ร้านกาแฟตอนนี้มีมากกว่าจำนวนปั๊มไปไกลแล้วด้วย อยู่ได้ขายดี ทั้งในป๊มปตท.และนอกปั๊ม ถือว่าเล่นได้ดีทั้งเหย้าและเยือน
>> การกระจายหุ้นรอบนี้ กระจายให้รายย่อยแบบทั่วถึง ไม่มีการกระจุกแบบเดิมๆที่ Underwriter ซึ่งมักจะให้ผู้มีอุปการะคุณ หรือ รายย่อยที่แข้งขาใหญ่
รอบนี้ รายย่อยที่จอง จะได้หุ้นทุกคนเริ่มต้นที่ 300 หุ้นขึ้นไป ซึ่งก็ต้องดูใจกันนะว่ารายย่อยจำนวนมากกะถือลงทุน หรือ ถอนทุนในช่วง ATO เลย ไม่มีใครรู้
>> ด้วยกระแสการจองหุ้นที่มาแรงมาก รายย่อยที่ไม่เคยลงทุนหุ้นมาก่อนเลยสนใจกันเยอะ
ต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่การจองสิทธิคนละครึ่ง ที่ได้อย่างเดียวนะ นี่คือการจองซื้อหุ้น IPO ... นี่คือการลงทุน ... และการลงทุนมีความเสี่ยงครับ
ผมคิดว่า ถือโอกาสอันดีนี้ อ่านข้อมูลธุรกิจของเขาหน่อยเถิด กิจการนี้ค่อนข้างใกล้ตัว เห็นด้วยตา สัมผัสด้วยการเติม(น้ำมัน) เข้าห้องน้ำ(ปั๊ม) และการดื่ม(กาแฟ)
ก่อนการซื้อหุ้นใดๆ เราต้องรู้ว่า กำลังเอา "เงินสดในกระเป๋า" ไปแลกกับอะไรด้วยนะ
นี่คือขั้นแรกของนักลงทุนเลยครับ