เช้าวันนี้หุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น เว้นแต่หุ้น BBL ที่ลงแรงกว่า 4% เนื่องมาจากผลประกอบการของปี 2563 เต็มปีไม่ประทับใจเท่าไรนัก
มาดูกันว่ามีประเด็นอะไรที่น่าสนใจบ้างครับ สรุปเป็นข้อๆแบบนี้ครับ
1. ไตรมาส 4 ปี 2563 มีกำไรสุทธิ 2.39 พันล้านบาท ลดลงมากถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และลดลง 40% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีเดียวกัน
2. สะท้อนแรงผิดหวังที่ตลาดคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจาก "เพอร์มาตา" แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ..
3. สาเหตุที่กำไรลดลงมากมาจาก 3 ประการ คือ ตั้งสำรองสูง มีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานพิเศษ และรายได้จากดอกเบี้ยรับลดลง
4. ส่วนปัจจัยบวกของผลประกอบการมาจาก ธุรกิจที่ไม่ได้มาจากดอกเบี้ยโตประมาณ 18% เช่น ค่าธรรมเนียม ธุรกิจขายประกัน (Bancassurance) และธุรกิจหลักทรัพย์
5. บริษัทมีกำไรพิเศษจากการตีมูลค่าเงินลงทุนผ่านงบกำไรขาดทุน 3.7 พันล้านบาท
6. คุณภาพสินทรัพย์ของ BBL มีความแข็งแรงมากขึ้น ดูจาก NPL Ratio ลดลงเหลือ 4.4% จากเดิม 4.5% แต่ต้องตั้งสำรองสูงจากวิกฤต COVID-19 ที่ระบาดรอบใหม่
7. บล.หยวนต้า มองว่าผลการดำเนินงานรอบนี้ออกมาต่ำกว่าที่คาดมากๆ แต่เชื่อว่าความผิดหวังนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แลกมากับคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรงมากขึ้น บริษัทเตรียมพร้อมถ้าวิกฤตเกิดขึ้นจริงๆ ลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อ SME ก็น้อยกว่าแบงก์อื่น ส่งผลให้ Credit Cost ผ่อนคลายลง และประเด็นบวกคือกำไรจาก เพอร์มาตา ที่จะเข้ามาเต็มปี 2564
... ด้วยสาเหตุทั้งหมดนี้ เชื่อว่า BBL จะกำไรโตถึง 53% ในปี 2564 โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.62 หมื่นล้านบาท
8. บล. ฟิลลิป วิเคราะห์ว่ากำไรของ BBL ออกมาน่าผิดหวัง แต่ถ้ามองไปในปี 64 เชื่อว่า BBL จะมีกำไรที่โตสูงถึง 128% อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท ถึงแม้ว่า NPL จะเพิ่มสูงขึ้นแต่ก็มีการตั้งสำรองเพื่อรองรับไว้จำนวนมากแล้ว
สรุปแล้วปี 2563 BBL ก็ผ่านวิกฤตไปด้วยความลำบาก
แต่ถ้ามองไปในปี 2564 ถือว่าอนาคตดีเลยทีเดียว
ก็ขึ้นอยู่กับนักลงทุนแล้วละครับ ว่าจะมองเกมสั้นหรือเกมยาว
-----------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล