สรุปสาระสำคัญ
- ตลาดหลักทรัพย์จะปรับการคำนวนดัชนีใหม่ โดยใช้วิธี Free Float Adjusted Market Capitalization
- หุ้นที่ได้ประโยชน์ BBL SCC SCB KBANK BDMS CPALL INTUCH PTT CPN และ TISCO
- หุ้นที่เสียประโยชน์ DELTA AOT MAKRO GULF BAY GPSC ADVANC PTTEP SCGP และ AWC
- การปรับกฏใหม่นี้ จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีความเป็นสากล และมีเสถียรภาพมากขึ้น
นักลงทุนอาจจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้วเรื่องของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับปรุงเกณฑ์รับมือหุ้นฟรีโฟลทต่ำ โดยมีประเด็นเริ่มมาจากการขึ้นอย่างรุนแรงของหุ้น DELTA อย่างที่นักลงทุนรู้กัน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมปรับปรุงเกณฑ์การกระจายหุ้นแก่ผู้ลงทุนรายย่อย ดูแลนักลงทุนจากหุ้นฟรีโฟลทต่ำ รวมถึงจะพิจารณาปัจจัยฟรีโฟลทในการจัดทำดัชนีต่างๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับสากล
โดยมีแนวคิดจะปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการคำนวณดัชนี จากเดิมที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการคำนวณ (Full Market Capitalization) เป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วย Free Float (Free Float Adjusted Market Capitalization) เพื่อให้ดัชนีสามารถสะท้อนสภาพการณ์ตลาดได้ดีมากขึ้น และเป็นไปในแนวทางเดียวกับสากล
ประเด็นคือ ... อะไรคือ Free Float Adjusted Market Cap.
แล้วมันส่งผลดีอย่างไรต่อหุ้นไทย
จากเดิม คือการนำราคาหุ้นมาคูณเข้ากับจำนวนหุ้น จะเป็น Market Cap. หุ้นตัวไหนมูลค่าสูงสุดก็จัดอยุ่เป็นอันดับแรก แต่ตลาดหลักทรัพย์จะนำค่าของ Free float ของแต่ละบริษัทมาถ่วงน้ำหนักเข้าไปด้วย ก่อนนำมาคำนวนเป็นดัชนี
บล. เอเชียพลัส แสดงความเห็นว่า ค่าเฉลี่ยFree Float ถ่วงน้ำหนักของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 44% โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีค่าเฉลี่ยสูงกว่า จะได้รับการถ่วงน้ำหนักมากขึ้น ได้แก่ แบงก์ รับเหมา วัสดุก่อสร้าง เกษตร/อาหาร และ ICT
ส่วนกลุ่มที่ค่าเฉลี่ย Free Float ต่ำกว่า 44% จะถูกลดน้ำหนักลง ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ Media ขนส่ง และการเงิน
ดังนั้น หุ้นไหนที่มี Free Float สูง จะได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบัน กองทุนในประเทศ
ทางฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส ได้แสดงหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์ 10 อันดับหุ้นที่มีน้ำหนักต่อดัชนีเพิ่มขึ้นมากสุด คือ BBL SCC SCB KBANK BDMS CPALL INTUCH PTT CPN และ TISCO
ยกตัวอย่าง BBL คือ หุ้นที่มีน้ำหนักต่อดัชนีเพิ่มมากที่สุด โดยส่งผลต่อ SET Index เพิ่มขึ้น 1.7% หรือพูดง่ายๆคือ ถ้าหุ้น BBL +1% จะส่งผลให้หุ้นไทยขึ้น 0.47 จุด จากเดิม 0.21 จุด
ในอีกมุมหนึ่ง คือ กองทุน Passive Fund มีโอกาสเพิ่มเม็ดเงินใน BBL ขึ้นถึง 125% จากเม็ดเงินเดิมที่ลงทุนอยู่แล้ว
ส่วนหุ้นที่เสียประโยชน์ 10 อันดับที่มีน้ำหนักต่อดัชนีลดลงมากสุด คือ DELTA AOT MAKRO GULF BAY GPSC ADVANC PTTEP SCGP และ AWC
โดยรวมแล้วการปรับกฏใหม่นี้ จะนำตลาดไทยเป็นสากลมากขึ้น และส่งผลให้หุ้นไทยขึ้นได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นนั้นเองครับ
--------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
ประชาชาติธุรกิจ