#วางแผนการเงิน

2564 ตั้งเป้าวางแผนการเงินต้นปี

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
141 views

เพิ่งผ่านเข้าสู่ปีใหม่ 2564 มาไม่นาน คนไทยเราก็เจอกับความท้าทายของโรคระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ต้องใช้แรงกายแรงใจฟันฝ่าอีกรอบ ผมยังเชื่อมั่นว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องชั่วคราว สุดท้ายหลังจากการกระจายวัคซีนที่ได้ผล โลกจะทยอยกลับมาเหมือนเดิม เดินทาง ท่องเที่ยวกันเหมือนเดิม 

 

ต้นปีนับเป็นช่วงเวลาที่ดี ที่มนุษย์เศรษฐกิจในยุคนี้ทุกท่าน จะได้ตรึกตรองวางแผนการเงินเป็นแพคเกจทั้งปี เพื่อเป้าหมายเกษียณด้วยหุ้น เกษียณด้วยกองทุน ได้บริหารความเสี่ยงและบริหารภาษี เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวท่านเอง 

 

การที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีรายได้จากการลงทุน ต้องเกิดการ ทยอยลงทุนระยะยาว มาตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน จนกระทั่งถึงวัยเกษียณ วางแผนตั้งแต่ต้นปี ทำทั้งปี และทำทุกปีต่อเนื่อง ... ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวรวยเองครับ

 

ผมขอแนะนำเครื่องมือการลงทุน 4 ชนิดให้ลองพิจารณาดู เมื่อรายได้ 100% ของท่านเข้ามาให้ลองทำดังนี้

 

1. ลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เอกชน) หรือ กบข. (ราชการ) อย่างน้อย 5% ของรายได้ 

นี่คือกองทุนต้องห้ามพลาด เป็นการลงทุนที่ไร้พ่าย มีแต่ชนะลูกเดียว สามารถลงทุนทุกเดือน และนายจ้างก็จะสมทบให้ในจำนวนที่เท่ากันด้วย เช่น เราใส่ 5% นายจ้างจะเติมให้(ฟรี) 5% ลงทุนไปเรื่อยๆ พอเกษียณก็รับทั้งหมดไปเลย  อ้อ! ความสุดยอดอีกอย่างคือ สามารถหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย 

 

2. ลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ให้เต็มสิทธิ 

RMF คือ กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ ลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อคำนวณรวมกับ SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและประกันบำนาญ) ถือครองถึงอายุ 55 ปี และไม่ต่ำกว่า 5 ปี นี่จึงเป็นกองทุนกึ่งบังคับตัวเองของผู้ลงทุน เพราะต้องลงทุนนาน เชื่อหรือไม่ ว่ารูปแบบนี้แหละที่เป็นประโยชน์ต่อการเกษียณอายุอย่างแท้จริงเพราะเป็นกึ่งบังคับอยู่ยาว อีกทั้งนักลงทุนยังมีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย ทั้ง พันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ อสังหาฯ และ ทองคำ ซึ่งสามารถสับเปลี่ยนกองได้ เพื่อประโยชน์สูงสุด เหมือนเราเป็นผู้จัดการกองทุนชีวิตตัวเอง

 

ส่วน SSF คือ กองทุนที่เปิดใหม่มาแทน LTF ถือครอง 10 ปี ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งส่งผลดีต่อนักลงทุน เพราะเงินลงทุนอยู่นานขึ้น ระยะยาวมากขึ้น ผลตอบแทนก็จะยิ่งมีความแน่นอนมากขึ้น และปีนี้ 2564 อาจจะได้มีลุ้นกองทุน SSFX(SSF พิเศษ) ให้ลงทุนได้ต่างหากอีก 200,000 บาทต่อปี แบบปีที่แล้วอีกครั้ง ได้ข่าวว่ามีการพูดคุยกันอยู่ครับ 

 

3. ซื้อประกันชีวิต 

ประกันชีวิตเปรียบเสมือน ตำแหน่งผู้รักษาประตูในทีมฟุตบอล ตำแหน่งนี้ไม่คาดหวังให้ต้องยิงประตู(ทำผลตอบแทน) แต่เราคาดหวังให้เป็นปราการด่านสุดท้าย กรณีที่เกิดเหตุเภทภัย เงินจำนวนน้อยที่นำส่งทุกปี ต้องขยายเป็นเงินก้อนใหญ่ไว้คุ้มครองคนที่เรารัก  แถมเงินส่งประกันชีวิต ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ที่วงเงิน 100,000 บาทต่อปีอีกด้วย 

 

4.ลงทุนในพอร์ทออมหุ้นหรือออมกองทุน 5%-15% ของรายได้ 

นี่คือการสร้างพอร์ทออมในหุ้นซึ่งก็คือการแปลงเงินสด ให้เป็นการทยอยสะสมออมหุ้นพื้นฐานดีหรือกองทุนที่มีอนาคต การลงทุนระยะยาว จะทำให้เรามีต้นทุนที่หลากหลาย พอร์ทจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา พร้อมๆกับเงินปันผลที่ได้ นี่จึงเป็นการสร้าง Passive Income หรือรายได้ที่เป็นเงินไหล อันจะนำไปสู่การเกษียณด้วยหุ้น   

 

หากท่านลงทุนข้อ 1-4 ครบทุกข้อ แปลว่าท่านเป็นผู้ออมและลงทุนได้ในระดับ 40-50% ของรายได้ทุกเดือน เงินออมจะอยู่ในรูปของกองทุนและหุ้น (PVD,RMF,SSF,ประกันชีวิต ทั้งยังสามารถลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย) ซึ่งเป็นระดับการออมที่สูง คนไทยส่วนใหญ่ทำไม่ได้ แถมยังประมาทไม่ทำครับ  

 

เรื่องการออมลงทุนนี้ ยิ่งทำสม่ำเสมอ ทำนาน ... ยิ่งมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าทำตั้งแต่ต้นปีครับ


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง