วอเร็น บัฟเฟตต์ เคยกล่าวไว้ ...
"ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย มูลค่าคือสิ่งที่คุณจะได้รับ"
แสดงให้เห็นว่าก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราจำเป็นจะต้องเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่เราจะซื้อ มีความเหมาะสมถูก-แพงมากแค่ไหน
ประเด็นสำคัญ คือ การประเมินมูลค่าหุ้นนั้นไม่มีสูตรการคำนวนเหมือนคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ แต่มันเป็นเรื่องของ "ศิลปะ" และการจินตนาการซะมากกว่า
แล้วแบบนี้ มันพอจะมีวิธีประเมินมูลค่าหุ้นแบบง่ายๆ ที่แม้แต่มือใหม่ก็ทำได้บ้างไหม ?
คำตอบ คือ มีครับ
... เราลองคิดแบบนี้
1. เราจะยอมจ่ายเงินซื้อบริษัทที่มีอัตราการเติบโตแบบนี้ไหม และถ้าการเติบโตลดลง มันควรจะปันผลให้เราเท่าไรในระยะยาว
เรื่องของการเติบโต (Growth) เหมือนดาบสองคม กล่าวคือ มันทำให้มูลค่าของบริษัทสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีใครสักคนยอมจ่ายในราคาที่แพงขึ้นเพื่อให้ได้มันมา
แต่ข้อเสีย คือ การเติบโตที่ดี จะเป็นการเชิญชวนคู่แข่งให้เข้ามาแข่งขัน และจบลงด้วย "สงครามราคา" เมื่อมีการสู้กันด้วยราคาแล้ว การเติบโตก็ย่อมลดลง ทำให้มูลค่าที่เกิดจากความคาดหวังลดลงไปด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้นลดลง นักลงทุนที่คาดหวังสูงๆก็จะเจ็บตัว
... แต่สิ่งที่จะ "ค้ำยัน" ราคาหุ้นไม่ให้ไหลลงรวดเร็วไปได้ ก็คือปันผล
เพราะปันผลที่สมเหตุสมผล จะทำให้นักลงทุนคิดว่า ถ้าถือไว้เฉยๆอย่างน้อยก็ยังได้ปันผลระหว่างทางที่ถือ
2. ถ้าบริษัทที่เหมือนกัน 2 บริษัท เราควรจะซื้อบริษัทที่มีปันผลมากกว่า
เพราะสุดท้ายแล้วถ้าบริษัทมีอัตราปันผลที่สูงขึ้น ก็จะมีคนมายอมซื้อที่ราคาสูงขึ้นไปด้วย
3. ถ้าบริษัทที่มีหนี้สินน้อย นักลงทุนจะให้มูลค่าสูงกว่าบริษัททีมีหนี้สินมาก
คำว่าหนี้สิน ในมุมนักลงทุนจะหมายถึงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ratio หาได้จากงบดุลที่แสดงในแต่ละไตรมาสบริษัท
หรือเราสามารถหาได้แบบหยาบๆจากการเอา หนี้สิน มาหารด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งอัตราส่วนที่ยอมรับได้คือ อยู่ในระดับ 1 เท่า ไม่ให้เกิน 2 เท่า .
... ถ้าไม่อย่างนั้นจะมีความเสี่ยงเรื่องของการเพิ่มทุนตามมาด้วย และถ้ามีเรื่องของการเพิ่มทุนมาเกี่ยวข้องก็มักจะไม่ถูกใจนักลงทุนสักเท่าไร
ดังนั้นแล้ว เราควรจะยอมจ่ายเงินสูงขึ้นสำหรับบริษัทที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ถ้าปัจจัยอื่นเหมือนกัน
4. อัตราดอกเบี้ยของประเทศที่ต่ำ นั้นหมายถึงมูลค่าหุ้นที่จ่ายปันผล มักจะสูงขึ้น
>>> ถ้าเมื่อไรธนาคารกลาง ลดดอกเบี้ย หุ้นมักจะขึ้น เพราะคนที่ฝากเงินจะได้ดอกเบี้ยน้อยลง เลยเอาไปซื้อหุ้นดีกว่า
>>> ถ้าเมื่อไรธนาคารกลาง เพิ่มดอกเบี้ย หุ้นมักจะลง เพราะคนที่ฝากเงินคิดว่าถือกินดอกเบี้ย จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น ซึ่งแทบจะไม่มีความเสี่ยง เลยขายหุ้น(ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า) ไปฝากเงินไว้เฉยๆดีกว่า
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีดอกเบี้่ยตกต่ำมายาวนาน (บางประเทศดอกเบี้ยติดลบ) ดังนั้นมูลค่าของหุ้นโดยรวม จะสูงขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป
และถ้าเราคิดว่า ดอกเบี้ยไม่น่าจะกลับมาสูงได้อีก ตลาดหุ้นก็จะยังเป็นแหล่งที่สร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต ครับ