ก่อนอื่นต้องกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ กับนักลงทุนทุกท่านครับ และขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณก้าวเท้าผ่านปีแห่งวิกฤตมาได้แล้ว ถึงแม้บางคนจะบอกว่า แค่อยู่รอด แต่ไม่ได้ปลอดภัย เพราะเจ็บหนักไม่ใช่น้อยจาก COVID-19 แต่อย่างน้อย ให้คิดว่า เราเรียนลัดเรื่องการลงทุนจากวิกฤต
แล้วปีนี้ เราจะเอาตัวรอดกันอย่างไรดี หลายคนบอกว่า เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นจากฐานที่ต่ำ กำไรบริษัทก็น่าจะเริ่มฟื้นตัว Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง อัตราดอกเบี้ยต่ำ วัคซีนกำลังจะมา พอเปิดประเทศได้ นักท่องเที่ยวกลับมา ทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น ตลาดหุ้นก็น่าจะดีตาม
แต่ปัญหาคือว่า ถ้าทุกคนมองเหมือนกันหมด แล้วเราจะสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือทำกำไรจากตลาดหุ้นได้อย่างไร ผมชวนคิดแบบนี้ต้อนรับปีใหม่ครับ
1. คิดให้แตกต่าง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามองว่า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเพิ่มขึ้น เราเลยไปซื้อหุ้นกลุ่มโรงแรม สนามบิน ซึ่งเป็นการคิดคล้ายๆ กับนักลงทุนหลายๆ คน และราคาหุ้นกลุ่มนี้ก็ขึ้นนำมาก่อนล่วงหน้าแล้ว สุดท้ายเราอาจไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีมากนักก็ได้
แต่ถ้าเรามาคิดให้แตกต่างคือ ปกตินักท่องเที่ยวเดินทางมาประมาณ 39-40 ล้านคนต่อปี ถ้าปีนี้เริ่มกลับมาได้ 5-6 ล้านคนก่อน เราต้องมองต่อว่า แล้วจะเป็นคนกลุ่มไหนที่จะรีบเข้ามาก่อน เช่น
- นักธุรกิจ ที่จำเป็นต้องเข้ามาบริหารจัดการเรื่องงานที่ค้างอยู่ ถ้าแบบนี้ก็น่าจะมองหุ้นนิคมอุตสาหกรรมไว้
- คนไข้ต่างชาติที่เข้ามารักษาตัว ก็จะมีคนจีน CLMV และตะวันออกกลาง ที่น่าจะเข้ามาเป็นลำดับ เราก็ไปดูว่าโรงพยาบาลไหนรับคนไข้ชาติไหนเยอะ และมีรอคิวอยู่มากหรือเปล่า
- ชาวต่างชาติที่รอโอนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยที่ดาวน์ไว้แล้วและเป็นเงินค่อนข้างมาก ก็คงไม่ทิ้งโอน ถ้าประเทศเปิดได้เมื่อไร ก็คงกลับเข้ามาโอนกัน ก็มองหุ้นอสังหาที่อาจจะเป็นคอนโดที่คนต่างชาติจองไว้เยอะ
2. คิดให้ลึกขึ้น
พอมีข่าว COVID เราก็จะไปลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ ประกันสุขภาพ พอมีข่าววัคซีน เราก็เริ่มหันมามองหุ้นท่องเที่ยว พอมีข่าวอาจจะล็อคดาวน์เป็นบางสถานที่ เราก็มาดูหุ้นห้างสรรพสินค้า หุ้นร้านอาหาร ถ้าเรามองแค่แบบนี้ก็อาจทำให้เราซื้อขายไม่ทันคนอื่น เราอาจจะลองมองให้ลึกขึ้น เช่น
- เรื่องวัคซีน ถ้าเริ่มเข้ามาจะมีใครได้ประโยชน์อีก เราอาจมองเรื่องของหุ้น Logistic หุ้นที่เก็บสินค้า ขนส่งสินค้า หุ้นที่ทำบรรจุภัณฑ์เก็บเข็มฉีดยา เป็นต้น
- เรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน เราอาจไปซื้อหุ้นสายเรือไมทัน เราก็อาจจะมามองหุ้นที่ทำ Freight Forwarder ที่มีทั้งรถ เรือ เครื่องบินแทน ก็จะได้ประโยชน์เช่นกัน
3. คิดให้ครบทุกมุม
เวลาวิเคราะห์หุ้นเพื่อลงทุน อยากให้มองให้รอบด้าน มองถึงผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เช่น
- หุ้น Commodity ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ถั่วเหลือง ปาล์ม น้ำมัน เวลาเราได้ยินข่าวว่าราคาทำจุดสูงสุดใหม่ เราก็รีบเข้าไปซื้อหุ้น ซึ่งอาจจะติดดอยได้ เราต้องลองพิจารณาให้ครบเช่น ถ้าราคาวัตถุดิบขึ้น แล้วหุ้นที่เราสนใจ เขาสต็อคไว้หรือเปล่า หรือว่าเขาก็ต้องซื้องของแพงเช่นกัน แล้วถ้าราคาสูงกว่าในอดีต ให้ไปดูว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะสูงมากกว่าเดิมหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็อาจผิดปกติ เป็นต้น
- หุ้นที่เติบโตตามเทรนด์ เช่น น้ำวิตามิน ถ้าเรามองแค่ว่าสินค้าขายดี แต่กำไรอาจไม่ดีก็ได้ เพราะการแข่งขันสูง และทำโปรโมชั่นค่อนข้างเยอะ หรือเราอาจจะไปมองหุ้นที่เกี่ยวข้องที่ทำขวด ฝา ฟิล์ม ก็อาจจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะยิ่งแข่งขันสูง ยิ่งผลิตเยอะ ยิ่งได้ประโยชน์
ปีใหม่ปีนี้ ลองเริ่มต้นวิธีคิดแบบใหม่ในการลงทุน คิดให้แตกต่าง คิดให้ลึกขึ้น และคิดให้ครบทุกมุมครับ ผมเชื่อแน่ว่าถ้าคิดได้รอบด้านแบบนี้แล้ว พอร์ตการลงทุนปีฉลูต้องฉลุยแน่นอน