สร้างแรงกระเพื่อมตลาดหุ้นได้ระดับหนึ่งสำหรับหุ้น KEX หรือเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนเอกชนในประเทศไทยแบบครบวงจร ทุกพื้นที่ ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า เป็นเบอร์ 1 ในอุตสาหกรรม (ไม่รวมไปรษณีย์ไทย) มีพัสดุจัดส่งเฉลี่ย 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน

ที่ผ่านมาย้อนหลัง 3 ปี บริษัทมีการเติบโตที่โดดเด่น และการระดมทุนเข้าตลาดหุ้นนั้นจะทำให้งบดุลแข็งแกร่งขึ้นมาก ฝ่ายวิจัยของ บล.เอเชียพลัสจึงประเมินราคาเหมาะสมอยู่ที่ 34 บาท
... ด้วยเหตุผล ต่อไปนี้

1. ฝ่ายวิจัยคาดการว่าปี 2563-2567 จะเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี จากการเติบโตตามธุรกิจ E-Commerce ทำให้การขนส่งพัสดุมีมากขึ้นตามไปด้วย

2. บริษัทมีเครือข่ายจัดส่งพัสดุที่ใหญ่ที่สุด ได้เปรียบคุ่แข่ง เป็นเบอร์ 1 ที่ใหญ่กว่าเบอร์ 2 ในอุตสาหกรรมอยู่มาก อีกทั้งบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ช่วยส่งเสริมในอนาคตได้อีก

3. สัดส่วนรายได้แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
>> จัดส่งจาก ลูกค้า - ลูกค้า (ธุรกิจ C2C) สัดส่วนรายได้ 54% ** เป็นรายได้หลัก
>> จัดส่งจากธุรกิจ - ลูกค้า (ธุรกิจ B2C) สัดส่วนรายได้ 44%
>> จัดส่งจากธุรกิจ - ธุรกิจ (ธุรกิจ B2B) สัดส่วนรายได้ 2%
>> รายได้จากการโฆษณา สัดส่วนรายได้ 1%

จะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้หลักมาจาก 2 กลุ่มธุรกิจแรก ซึ่งการเติบโตของ E-Commerce ยังเติบโตได้อีกไกล รวมถึงการเติบโตจากการชำระเงินผ่าน E-payment ทำให้คนหันมาใช้จ่ายผ่านสมาร์ทโฟนมากขึ้น

4. ฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส วิเคราะห์  KEX จะมีกำไรสุทธิ 1.45 พันล้านบาท โต 9.6% ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิด และการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลงก็ยังเติบโตได้จากช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น
... สำหรับปี 2564 เชื่อว่ากำไรของหุ้น KEX  จะอยู่ในระดับสูง 1.79 พันล้านบาท คิดเป็น 23.3% YoY จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง

บล.เอเชียพลัส ยังวิเคราะห์ต่อไปอีกว่า การระดมทุน IPO จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันและทำให้ KEX เติบโตในระดับ "เลขสองหลัก" อย่างน้อยต่อไปอีก 3 ปี

5. ฝ่ายวิจัยเลือกใช้วิธีประเมินมูลค่าหุ้นแบบ Discount Cash Flow จะได้ราคาที่ 34 บาท ซึ่งคิดเป็นค่า P/E อยู่ที่ 40.67 เท่า
ถ้าปี 2564 เติบโตได้ 23.3% ตามที่คาดการไว้ จะทำให้ค่า P/E ของหุ้น KEX เหลือ 33 เท่า

นี้ก็เป็นปัจจัย 5 ข้อที่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัสมองว่าหุ้น KEX มีความน่าสนใจมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เราในฐานะนักลงทุนควรคิดถึง "ความเสี่ยง" ด้วย ซึ่งความเสี่ยงที่ใหญ่สุด คือ การแข่งขัน

เราต้องไม่ลืมว่าตลาดส่งพัสดุมีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก การพยายามแย่งส่วนแบ่งการตลาด การบริการที่รวดเร็ว รวมถึงการใช้สงครามราคา ก็เป็นอะไรที่ดูรุนแรงมาก
นี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนเราจะมองข้ามไม่ได้เลย

-----------------------------

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส