PTT กำหนดอัตราใช้สิทธิซื้อหุ้นไอพีโอ OR ที่ 95 หุ้น PTT ต่อ 1 หุ้น OR พร้อมเคาะงบลงทุน 5 ปี (ปี 64-68) วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท เน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และเตรียมงบลงทุนในอนาคตอีก 3.31 แสนล้านบาท รองรับการเติบโตและเสริมสร้างความร่วมมือในกลุ่มปตท.
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติกำหนดอัตราการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้น PTT ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้น (Pre-emptive Ratio) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณ 95 หุ้นสามัญของ PTT ต่อ 1 หุ้น OR โดยสงวนสิทธิที่จะเสนอขายและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นของ PTT ซึ่งมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
กำหนดให้วันที่ 5 ม.ค.64 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นของ PTT (Record Date) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ OR ที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการอนุมัติงบลงทุน 5 ปี (ปี 64-68) วงเงินรวม 179,072 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 30,552 ล้านบาท ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ วงเงิน 13,053 ล้านบาท ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย วงเงิน 2,190 ล้านบาท ธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมและสำนักงานใหญ่ วงเงิน 8,055 ล้านบาท และการลงทุนในบริษัทที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ 100% วงเงิน 125,222 ล้านบาท
ปตท. ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจหลัก (Core Businesses) ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ทั้งในส่วนที่ ปตท. ดำเนินงานเอง (ธุรกิจก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ) อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงลงทุนผ่านบริษัทที่ ปตท. ถือหุ้น 100% (คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของงบการลงทุน 5 ปี ประมาณ 70% ) ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ 14% ของงบการลงทุน 5 ปี อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่าย ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3
การลงทุนในธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกรวมถึงธุรกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศประมาณ 42% ของงบการลงทุน 5 ปี และธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 14% ของงบการลงทุน 5 ปี
บริษัทยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 331,524 ล้านบาท เพื่อการเติบโต และเสริมสร้างความร่วมมือภายในกลุ่ม ปตท. จากความเชี่ยวชาญของธุรกิจเดิม อาทิเช่น โครงการ Southern LNG Terminal และท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2018) การขยายการลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการเชื่อมต่อระหว่างธุรกิจก๊าซธรรมชาติสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้า (Gas-to-Power)
ตลอดจนการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของวิถีชีวิตแบบใหม่และนิเวศทางเศรษฐกิจใหม่ (New Ecosystem Business Model) เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและทิศทางของโลก อาทิ ห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า (Electricity Value Chain) รวมถึงการมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Life science (ธุรกิจยา ธุรกิจ Nutrition ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์)
นอกจากนี้ ยังมีงบการลงทุนในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด เพื่อให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 8,000 เมกะวัตต์ ภายใน 73 ตามแผนยุทธศาสตร์ในการเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียน