อย่างทีเรารู้ไปก่อนหน้าว่า Payout Ratio คือเปอร์เซ็นต์ของการปันผลเป็นเท่าไร เทียบกับกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่บริษัททำได้ เช่น บริษัทมี payout ที่ 50% หมายความว่าบริษัทมีการปันผลเป็นครึ่งหนึ่งจากกำไรที่บริษัททำได้
และยิ่งบริษัทมี Payout Ratio สูงๆนั้นบ่งบอกว่าบริษัทนั้นแทบจะมองหาการเติบโตไม่ได้แล้ว จึงปันผลออกมามากๆ บางบริษัทมี Payout Ratio เป็น 100% หรือจ่ายปันผลทั้งหมดออกมา สะท้อนว่าธุรกิจอิ่มตัวไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน ถ้าบริษัทไหนมี Payout Ratio น้อยๆ อาจจะบ่งบอกว่าบริษัทกำลังอยู่ในช่วงการเติบโต จึงต้องเก็บเงินสดเยอะๆเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ
นั้นเป็นเรื่องส่วนใหญ่
แต่ก็จะมีส่วนน้อยที่ปันผลออกมามากๆ แต่ธุรกิจก็ยังเติบโตได้ .. !!
เช่นธุรกิจค้าปลีกค้าส่งแห่งหนึ่งในตลาดหุ้นไทยที่มี Payout Ratio สูงถึง 90% ในปี แต่รายได้กำไรสุทธิก็ยังเติบโตขึ้นทุกปีเนื่องมาจากว่าธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกแห่งนี้ขยายตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจ HORECA หรือ โรงแรม ร้านอาหาร รับจัดเลี้ยง ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น และเก็บเป็นเงินสด ทำให้บริษัทมีเงินสดหมุนเวียนค่อนข้างมากในแต่ละวัน จึงสามารถนำเงินสดเหล่านี้มาขยายกิจการเพิ่มเติม
... ทำให้ผู้ถือหุ้นบริษัทนี้ได้ทั้งปันผลที่มาก และการเติบโตของกิจการด้วย
ดังนั้น ก่อนที่จะด่วนสรุปว่าบริษัทไหนปันผลมากๆ หรือมี Payout Ratio ที่สูงมากนั้น ว่าเป็นบริษัทที่ไม่เติบโตนั้นก็อาจจะไม่ถูกสักเท่าไรนัก เพียงแต่บริษัทนั้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว หรือขยายกิจการที่ได้กำไรเร็วใช้เงินลงทุนน้อย ก็อาจจะเป็นไปได้ เราจะต้องไปเจาะลึกเพิ่มเติมครับ
หรือในอีกกรณีหนึ่ง บริษัทแห่งนี้มี Payout Ratio เกือบจะ 100% และแบ่งจ่ายปันผลไตรมาสละ 1 ครั้ง ทำให้นักวิเคราะห์ยกย่องว่าเป็นหุ้นปันผล ราคาหุ้นไม่หวือหวาความเสี่ยงจึงต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือรับปันผล
... แต่เมื่อเวลาผ่านไป ปรากฏว่าบริษัทรายได้ลดลงเรื่อยๆ ปันผลน้อยลงถึงแม้จะมี Payout Ratio เกือบ 100% ก็ตาม
สุดท้าย บริษัทนี้มีผลประกอบการขาดทุน และก็ไม่ได้จ่ายปันผลอีกเลย
ก่อนจะซื้อหุ้นเพื่อรับปันผล จะต้องศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนทุกครั้งครับ