กลยุทธ์การซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร จะมีอยู่ 2 แบบคือ ซื้อเมื่อ Breakout และซื้อเมื่อ Buy On dip
วิธีการแรก คือ ซื้อเมื่อ Breakout อย่างที่รู้ๆกันคือ ซื้อเมื่อราคาหุ้นถูกกระชากอย่างรุนแรงผ่านเส้น Trendline หรือเส้น Moving Average ที่นักเก็งกำไรได้ตั้งค่าเอาไว้เพื่อใช้เป็นสัญญาณซื้อ
วิธีการที่สอง คือ ซื้อเมื่อ Buy On dip หรือซื้อเมื่อราคาย่อตัวในขาขึ้น นั้นเอง ...
การ Buy on Dip นั้น เกิดขึ้นหลังจากผ่านการ Breakout ไปแล้ว นักเก็งกำไรอาจจะรู้สึกว่ามันกระชากราคาแรงและเร็วเกินไป "อาจจะ" มีการย่อตัวลงมาเพื่อขึ้นต่อ
... คำว่า "ย่อตัว" เป็นจังหวะของการซื้อ เราเรียกว่า Buy on dip
ซึ่งวิธีการนี้มีข้อดีอยู่ 2 อย่าง
1. การไล่ราคาอาจจะพลาดได้ เมื่อหุ้นถูกนักเก็งกำไรที่ซื้อในราคาต่ำขายใส่ลงมา หุ้นจะลงเร็วและลงเกินจุด Stoploss ของเรา
2. ต้นทุน "นิ่งกว่า" การซื้อเมื่อ Breakout
สำหรับข้อ 2 นั้นอธิบายได้ว่า นักเก็งกำไรบางคนอาจจะแบ่งซื้อเป็นหลายไม้ การซื้อเมื่อ Breakout จะทำให้ต้นทุนสูงกว่า และเราต้องไล่ราคาไปด้วย
แต่ถ้า Buy on Dip เราจะต้องรอให้หุ้นพักตัวลงมาถึงค่อยเก็บ ซึ่งจะมีเวลามากเพียงพอให้เข้าซื้อ ต้นทุนที่ได้จะถูกกว่าและมีความนิ่งกว่า
ข้อดีมีแล้ว และข้อเสียละ ?
แน่นอนว่ามีครับ ...
เพราะบางครั้งหุ้นที่ถูกกระชากไปนั้น อาจจะวิ่งไปเลยไม่ย่อตัวกลับมาอีก หรือขึ้นสักพักใหญ่ๆไปแล้วจึงค่อยพักตัว ตรงนี้ก็ทำให้เราได้ต้นทุนสูงกว่านั้นเอง
พูดง่ายๆคือ เราอาจจะพลาดไม่ได้หุ้นนั้นเองครับ ...
สิ่งสำคัญที่ต้องรุ้ก่อนจะ Buy On dip คือ
หุ้นอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง >> ถ้าเป็นขาลงให้หลีกเลี่ยง เพราะหุ้นขาลงจะลงต่อได้อีก ให้เลือกซื้อหุ้นที่เป็นขาขึ้นเท่านั้น
ซึ่งจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นขาขึ้น เราสามารถใช้ Trendline ในการตี Channel หรือวิธีง่ายสุดก็คือใช้เส้นค่าเฉลี่ยครับ ...