ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมดในการลงทุน เราคงหาโอกาสที่จะทำกำไรในตลาดหุ้นได้ยาก
นักลงทุนที่ดีต้องคิด 2 ชั้น คิดให้ลึกกว่าคนทั่วไป มองหาหุ้นที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเรื่องราวที่เราเห็น เพื่อช่วยให้เปิดโอกาสในการลงทุนที่กว้างขึ้น วันนี้ผมจะมาแชร์ไอเดียเวลาเรามองหาหุ้นกันครับ
1. น้ำเปล่าผสมวิตามินมาแรง
ปีนี้กระแสน้ำวิตามินมาแรง จากเดิมที่ขายแต่น้ำเปล่า ตอนนี้มีเกือบ 10 แบรนด์ที่ผสมวิตามินทั้ง C และ E กลายเป็นน้ำเปล่าผสมวิตามิน ตลาดเติบโตเป็นเท่าตัวจากปีที่แล้ว ถ้าเรามองแต่ผิวเผิน เราคงนั่งมองดูว่ามีแบรนด์อะไรอยู่ในตลาดหุ้นบ้าง เช่น ICHI หรือ SAPPE แล้วเราก็จะโฟกัสอยู่ที่หุ้นไม่กี่บริษัท
แต่ถ้าเรามองให้กว้างและลึกกว่านั้น มองไปที่ขวดน้ำวิตามิน แล้วตั้งคำถามใหม่ เช่น
- ใครคือ ร้านค้าที่ขายน้ำเปล่าผสมวิตามิน เราก็จะไปมองร้านเช่น CPALL, TNP, KK, BJC
- ใครคือ ผู้ที่ทำส่วนผสม รส สี กลิ่น ให้น้ำวิตามิน เช่น RBF
- ใครคือ ผู้ผลิตฝา ขวด เราก็อาจจะไปทำการบ้านต่อว่า PDG, IVL เกี่ยวข้องมั้ย
- ใครคือ ผู้ผลิตฟิล์มฉลากติดขวด เช่น SFT
หุ้นเหล่านี้น่าจะเป็น หุ้นที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของน้ำวิตามิน เพราะยิ่งแข่งขันสูง ยิ่งขายดี ก็ทำให้โรงงานผลิต บริษัทที่คิดรสชาติ ร้านค้าปลีก ขายดีไปด้วย ซึ่งเราก็ต้องลงไปทำการบ้านเพิ่มเติมว่าใครได้ประโยชน์ด้านไหนบ้าง ทำตรงส่วนไหน ให้แบรนด์ไหนบ้าง มีข้อจำกัดหรือความเสี่ยงอะไร
2. เทรนด์ Shopping Online และ Food Delivery
สมัยนี้การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเรื่องปกติที่ทำกัน นอกจากส่วนลดที่มีมาทุกเดือนทั้ง 11.11, 12.12, Black Friday เพราะบางครั้งเราได้ส่วนลดมากกว่าการไปซื้อของที่ห้าง แถมยังมีบริการส่งของให้ถึงที่สะดวกรวดเร็วอีกด้วย
เรื่องการส่งของก็ไม่แพ้กัน ยิ่งช้อปเยอะ ยิ่งส่งของเยอะ รวมถึงการปิดห้างและ work from home ทำให้การสั่งอาหารมาที่บ้านเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าหลายคนจะกลับไปทำงานแล้ว ยอดการสั่ง food delivery ก็ดูเหมือนว่าจะยังดีอยู่
โดยปกติเราก็คงมองหุ้นที่เป็นเว็ปช้อปออนไลน์ หุ้นร้านค้าปลีกที่มาขายออนไลน์ด้วย หุ้นที่เป็นบริษัทขายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ หรือหุ้นที่ทำธุรกิจส่งสินค้า
แล้วยังมีมุมมองอื่นๆ อะไรเรื่องอีกที่เราสามารถหาโอกาสได้อีกบ้าง
- สินค้าอื่นที่คนอาจจะไม่ค่อยช้อปออนไลน์บ่อยนัก เช่น เพชร JUBILE
- ธุรกิจขนส่งที่กำลังจะเข้าตลาดเช่น KEX หรือบริษัทที่ถือหุ้นอย่าง VGI
- Logistics หรือ Self Storage Warehouse เช่น JWD, LEO
- สินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ เพราะว่าคนถอยรถมาส่งของมากขึ้น เช่น S11, TK
3. คนละครึ่ง ร้านเล็กร้านน้อยขายดี
เป็นมาตรการที่คนชอบมากที่สุดอันหนึ่ง คนใช้ได้ส่วนลด คนขายได้เงิน ร้านเล็กร้านน้อย ตลาด รถเข็น ร้านโชว์ห่วยขายดิบขายดี มาตรการแบบนี้มีใครในตลาดหุ้นได้ประโยชน์บ้างนะ
- สินค้าชองกินของใช้ราคาไม่แพง เช่น CBG, OSP, ICHI, SAPPE
- ร้านค้าส่งที่ร้านโชว์ห่วยมาซื้อของไปขาย เช่น MAKRO
- ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ เช่น TNP แต่ก็อาจจะเป็นผลเสียกับ CPALL, BJC ที่ลูกค้าอาจจะลดลง
4. ช้อปดีมีคืน ของแพงขายดี
อีกหนึ่งมาตรการที่เอาไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท ก็จะเป็นตัวกระตุ้นการบริโภคได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นสินค้าที่มีราคาแพงหน่อย หรือว่าห้างสรรพสินค้ามากกว่า เรามองได้แบบไหนบ้าง
- สินค้าไอที เฟอร์นิเจอร์ ของเกี่ยวกับบ้าน เช่น COM7, SPVI, CPW, ILM, HMPRO, GLOBAL, DOHOME
- ผู้จัดจำหน่ายขายส่งสินค้าไอที เช่น SIS, SYNEX
- ห้างสรรพสินค้า เช่น CPN, CRC
- บัตรเครดิต เพราะจะมีการรูดกันเยอะขึ้น เช่น KTC, AEONTS
ผมหวังว่า คงจะช่วยเปิดมุมมองให้ทุกคนหาหุ้นได้กว้างและลึกมากขึ้นนะครับ ต่อไปนี้เวลาทำการบ้าน เราก็จะได้มองแบบทะลุปรุโปร่งมากขึ้น มองทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มองเห็นโอกาสดีๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ขอให้สนุกกับการหาหุ้นลงทุนครับ
** หมายเหตุ หุ้นที่ยกมาเป็นตัวอย่างในการนำเสนอไอเดียการลงทุน นักลงทุนต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลและทำการบ้านต่อนะครับ อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจทุกครั้ง