ต้นปียังจะซื้ออยู่ดีๆ ปลายปีกลับเตรียมขายซะงั้น แถมขายหมดเลยที่ราคา 103 บาท ต่ำกว่าราคาตลาดอีกด้วย

เรามาวิเคราะห์กันเล่นๆ ดีกว่าครับว่า น่าจะเป็นเพราะอะไร และส่งผลอะไรกับใครบ้าง (ออกตัวไว้ก่อนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ซึ่งอาจจะผิดได้)

1. เป็นแฟนไม่ได้ ก็ทำใจเป็นเพื่อนเฉยๆ ไม่ได้
BDMS อยากจริงจังกับ BH มานานนม เข้ามาซื้อหุ้น แต่ก็เหมือนไม่ได้มีอำนาจบริหาร ไม่ได้มีส่วนร่วมกำหนดกลยุทธ์ หรือ synergy อะไรกับโรงพยาบาลของตัวเอง ได้แค่ส่วนแบ่งกำไร 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ สุดท้ายหักดิบขอเธอแต่งงานตอนต้นปี ทุ่มหมดหน้าตัก แต่ฝั่ง BH คงอยากอยู่สถานะคบกันไปแบบนี้ดีกว่า เลยให้ผู้ใหญ่ออกมาปฏิเสธบอกปัดข้อเสนอนั้นไป

BDMS กลับบ้านกอดหมอนน้ำตาซึมอยู่หลายเดือน คิดอยู่หลายตลบ บอกตัวเองอยู่ทุกครั้ง จะหวังอะไรให้มากมาย
จะวิ่งตามเงาให้แทบตาย เขาก็คงจะไม่สน เราทุ่มเทขนาดนี้ แต่เธอไม่เห็นใจ ถ้าจะอยู่ในสถานะเป็นเพื่อนสนิทไปเรื่อยๆ ก็ทำใจไม่ได้ ลาจากเธอไปดีกว่า

2. ยิ่งอยู่นาน ยิ่งช้ำใจ
อาจเป็นเพราะ BH มีสัดส่วนรายได้มาจากต่างชาติเป็นหลัก การที่คนไข้ยังเดินทางมาไม่ได้ ทำให้กระทบกับกำไรไปเยอะมาก และเราก็เห็น BH ทำโปรโมชั่น ส่วนลดค่าห้อง ค่ายา อย่างต่อเนื่อง แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน อีกทั้งมีหนุ่มใหญ่ย่านคลองเตย ก็มาจีบคุณหมอไปอยู่ด้วยเยอะ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการของ BH เอง อาจยังไม่กลับมากำไรได้โดยไว

BDMS ขาย BH คาดว่าบันทึกกำไรประมาณ 1,100 ล้านบาท
เทียบกับการถือหุ้น 22.71% สมมติว่า BH กลับมากำไรได้ 2,000 ล้านบาท ต่อปี BDMS เองก็จะได้ส่วนแบ่งซัก 450 ล้านบาท ต้องใช้เวลา 2 ปีครึ่ง ถึงจะเท่ากัน BDMS ก็อาจจะมองว่า งั้นขายออกไปตอนนี้อาจจะคุ้มกว่า

3. เจอรักครั้งใหม่ สดใสกว่าเก่า
การขาย BH จะทำให้ได้เงินมาประมาณ 18,600 ล้านบาท BDMS เองอาจไปปิ๊งสาวคนใหม่ มองเห็นเป็นโอกาสดีที่อยากเข้าไปใช้ชีวิตด้วยกัน ไม่แน่ใจว่าเป็นวงการแพทย์เหมือนกัน หรือเป็นสาวนอกวงการ ก็เลยอาจนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนเพิ่มเติม ที่ผ่านมาเราก็จะเห็นว่า BDMS ทำ M&A เพื่อเติบโตมาเรื่อยๆ

เราไม่รู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะอะไร แต่เมื่อ BDMS ตัดสินใจแบบนี้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป และมองหาการลงทุนที่จะทำให้คุ้มค่ากว่าการถือหุ้น BH ต้องติดตามว่าจะเอาไปเงินไปทำอะไรบ้าง

ในมุมของ BH เองนั้น ต้องบอกว่า ช่วงนี้เป็นเวลาประคองตัว ดูแลตัวเองอยู่ เพราะคนไข้หลักต่างชาติหายไป ก็เลยยุ่งกับการหาคนไข้ไทยมาทดแทน และมีโรงพยาบาลเปิดใหม่มาแข่งขันด้วย การที่ BDMS ขายหุ้นออกไป ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมาก กลยุทธ์ของโรงพยาบาลก็คงดำเนินตามปกติต่อไป

ในมุมของผู้ถือหุ้นรายใหม่ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เป็นบุคคลทั่วไป หรือเป็นโรงพยาบาลอื่น ถ้าผู้มาใหม่สามารถมัดใจ BH ได้ เข้าไปนั่งเป็นกรรมการได้ หรือ synergy กับโรงพยาบาลของตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็น โอนคนไข้ระหว่างกัน มีการทำงานของแพทย์ด้วยกัน ก็จะเป็นผลดี แต่ก็ต้องดูว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพราะขนาด BDMS เองก็ยังเหนื่อยเลย

ในส่วนของนักลงทุนนั้นก็อาจจะบอกว่า
ไม่ว่าพี่จะซื้อหรือจะขาย
ถ้าผมจะติดดอย ยืนเฉยๆ ... ผมก็ติดดอย อยู่เหมือนเดิม