มีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง Happy Money : The Science of Happier Spending งานเขียนของอลิซาเบ็ท ดันน์ และศาสตราจารย์ไมเคิล นอร์ตัน เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของการใช้เงิน แต่เป็นการใช้เงินอย่างไรให้เรามีความสุข ..
ที่มาภาพ : www.amazon.com
คนส่วนใหญ่ถูกปลูกฝังในเรื่องของการหาเงิน ออมเงิน และลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย แต่เราเคยถามตัวเองว่าเรามีความสุขกับการทำสิ่งเหล่านี้บ้างหรือไม่
ถ้าเราพูดถึงการใช้จ่ายเงิน จะทำให้เรารู้สึก "กระอักกระอ่วม" ใจ หรือถูกมองว่าเป็นคนฟุ่มเฟื่อย ไม่ประหยัด และอนาคตจะมีแต่ความลำบากต้องรอการช่วยเหลือจากภาครัฐ
... ในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะมีความสุข และการใช้จ่ายเงินก็จะทำให้เรามีความสุข แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า จะจ่ายอย่างไรให้เรามีความสุขที่สุด
>> ซื้อสิ่งของที่อยากได้ ?
>> มีบ้านหลังใหญ่ มีรถดีๆขับ ?
>> ไปเที่ยว เปิดหูเปิดตาต่างประเทศ
>> กินของอร่อยๆ ดื่มกาแฟดีๆสักถ้วย
ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ "ศิลปะ" ของการใช้เงินต่างหากที่จะช่วยดึงศักยภาพของควาามสุขได้อย่างเต็มที่
... มีอะไรบ้างมาดูกันครับ
1. ซื้อสิ่งของที่อยากได้ จะให้ความสุขน้อยกว่า การซื้อประสบการณ์
การซื้อสิ่งของจะทำให้เรามีความสุขหลังได้รับสินค้าแล้วประมาณ 1-2 อาทิตย์ หลังจากนั้นเราก็จะรุ้สึกเฉยๆกับมัน แต่สำหรับการซื้อประสบการณ์ที่เราไม่เคยเจอ เช่นไปท่องเที่ยวต่างประเทศจะเป็นการ "เปิดหูเปิดตา" ให้กับตัวเรา เป็นความ "อิ่มใจ" เวลาได้นึกถึงเหตุการณ์นั้นๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เขียนยังแสดงความเห็นว่า การไปท่องเที่ยวกับ "คนอื่น" ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ความรักหนุ่มสาว พ่อแม่ จะยิ่งทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก
2. การบริโภคแบบนานๆที
การกินดื่ม ถือเป็นความสุขแบบหนึ่ง เช่น กินร้านอาหารดังๆ การดื่มกาแฟร้านโปรด จะทำให้เรามีความสุข แต่ความสุขจะเพิ่มขึ้นถ้าการกินดื่ม ไม่เกิดขึ้นประจำ เช่น ดื่มกาแฟร้านโปรดเดือนละ 1 ครั้ง จะก่อให้เกิดคุณค่าและความสุขที่มากกว่า
3. ใช้ก่อน ผ่อนทีหลัง
นี้อาจจะเป็นแนวความคิดที่แปลก แต่จากการวิจัยพบว่า คนเราจะมีความสุขมากกว่า ถ้าได้ใช้สินค้าก่อน แล้วค่อยจ่ายทีหลัง ด้วยแนวคิดนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าธุรกิจให้สินเชื่อ บัตรเครดิต หรือแพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์ที่มีบริการผ่อนชำระ จึงได้รับความนิยมมาก
แต่ในความเป็นจริง มันก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำสักเท่าไรนัก ...
4. จ่ายเพื่อให้สังคมดีขึ้น
พูดง่ายๆก็คือ การบริจาคนั้นเอง เป็นความสุข "ทางใจ" ที่ให้ความสุขสูงมาก ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า "สมัครใจ" ไม่ใช่การถูกบังคับให้ทำ
... ครั้งหนึ่งมีนักข่าวถามวอเร็น บัฟเฟตต์ ว่า เขารู้สึกอย่างไรหลังจากบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้กับมูลนิธิของบิล เกตต์
เขาตอบว่า "ผมรู้สึกมีความสุข"
เพราะเขารู้สึกว่าเงินที่เขาจ่ายไป จะต้องนำไปเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างให้สังคมดีขึ้น
ฟังดูแล้วก็อาจจะเป็นเรื่องที่แปลก แต่จากการศึกษาพบว่า บุคคลที่บริจาคหรือช่วยเหลือสังคมมาก จะมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่เคยบริจาคอะไรเลย
ที่กล่าวมานี้ก็คือความสุขที่เกิดจากการใช้จ่าย หรือที่เรียกว่า Happy Money หรือจ่ายอย่างไรให้เกิดความสุขมากที่สุด
ต้องลองนำไปปรับใช้ครับ ...