#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

ธีมเทคโนโลยี

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
99 views

กิจการส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นไทย ยังทำธุรกิจอยู่ในภาคเศรษฐกิจดั้งเดิม ลองดู Market Cap ล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์ไทยพบว่า เกินกว่าครึ่ง (60%) มาจาก 5 กลุ่มหลัก คือ 

 

อันดับ 1 กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค เช่น PTT, GULF, PTTEP, GPSC, EA, BGRIM, EGCO, TOP, RATCH, TTW (เรียงลำดับตาม Market Cap) ซึ่งก็คือ กิจการน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้า และน้ำประปา 

 

อันดับ 2 กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, MAKRO, HMPRO, CRC, BJC ซึ่งก็คือ กิจการร้านสะดวกซื้อ, ห้าง Cash and Carry, ห้างขายอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้าน, และห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต 

 

อันดับ 3 กลุ่มขนส่ง เช่น AOT, BEM, BTS, TFFIF, BTSGIF ซึ่งก็คือ กิจการสนามบิน รถไฟฟ้า และทางด่วน 

 

อันดับ 4 กลุ่มสื่อสาร เช่น ADVANC, INTUCH, DIF, TRUE, DTAC, JASIF ซึ่งก็คือ กิจการผู้ให้บริการโทรศัพท์ เน็ตบ้าน และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม

 

อันดับ 5 กลุ่มธนาคาร เช่น SCB, BBL, KBANK, BAY, KTB ซึ่งก็คือ กิจการธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 

 

นอกจากนี้ กลุ่มบริการ ที่ผูกกับการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เช่นกลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหาร ร้านสปา หรือแม้แต่กลุ่มโรงพยาบาล ก็จัดเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าตลาดสูงพอสมควร 

 

กิจการเหล่านี้อาศัยอำนาจตลาด อำนาจการผูกขาดบางอย่าง หรือ ความได้เปรียบเนื่องจากขนาด เป็นจุดแข็ง ในขณะที่กิจการทางด้านเทคโนโลยีซึ่งกำลังก้าวเข้ามา เป็นอนาคตและเป็นธีมหลักในการลงทุนทั่วโลก เช่น Ecommerce, Cyber Security, Cloud, OTT Communication, Education Platform, Semiconductor Electronics  ฯลฯ กลับมีอยู่น้อยมาก ด้วยเหตุนี้ตลาดหุ้นไทยจึงฟื้นตัวหลังโควิด ช้ากว่าตลาดในต่างประเทศ ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน

.
ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวช้าเพราะไม่มี FANGMAN 

ในช่วงที่ผ่านมา แม้สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลงในหลายประเทศ แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด สวนทางกับในหลายประเทศที่แม้จะยังเผชิญกับสถานการณ์โควิดที่รุนแรงกว่าไทย แต่ตลาดหุ้นกลับฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า และสูงกว่าช่วง Pre-Covid เสียอีก เช่น สหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งเป็นตลาดหุ้นที่มีกิจการทางเทคโนโลยีในระดับสูงรวมอยู่

 

ลองพิจารณาบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นิยมเรียกชื่อย่อว่า “FANGMAN” หมายถึง กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 7 แห่ง ประกอบด้วย Facebook, Apple, NVIDIA, Google, Microsoft, Amazon.com, และ Netflix  เป็นตัวแทนของบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด 7 แห่งของโลก กิจการเหล่านี้เติบโตมากมายมหาศาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในวิกฤติโควิด 

 

นอกจากกลุ่ม FANGMAN แล้ว ธีมการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี เริ่มแยกย่อยลงไปอีกมากมาย ไม่จำกัดเฉพาะกิจการที่ผู้บริโภครู้จักโดยตรงเท่านั้น โดยเฉพาะในธีมย่อย Cloud Computing, Big Data & Machine Learning, IOT Internet of Things, Social Platform และ Blockchain Technology เป็นต้น 

 

สำหรับนักลงทุนรายย่อย เราสามารถเลือกที่จะลงทุนกิจการในตลาดหุ้นไทย ที่มีการปรับตัว โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และในเวลาเดียวกัน อาจจะมองหาโอกาสจากการลงทุนในหุ้นธีมเทคโนโลยีระดับโลกที่กำลังเริ่มเทคออฟ ขยายตลาดขยายลูกค้า ผ่านทางกองทุนรวมต่างประเทศ หรือ ETF ก็ได้เช่นกัน

 


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง