นอกจากหุ้น CPALL ที่กลายเป็น Talk of The Town ของนักลงทุนแล้ว หุ้นใหญ่อีกตัวที่มองข้ามไม่ได้เลยนั้นคือ BJC หรือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์
... หลังผ่านการเข้าซื้อกิจการของ BigC มา ก็ทำให้สินทรัพย์ รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตมาโดยตลอดจากหลักหมื่นล้านมาเป็นแสนล้านได้ภายในไม่กี่ปี
ถ้าใครตามบริษัทอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้ว่ามีแผนงานที่ชัดเจน การขยายสาขาเน้นไปที่ MiniBigC ตามเมืองต่างๆทั่วประเทศไทย รวมถึงการนำสาขาใหญ่ไปเปิดที่ประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเวียดนาม
แต่ทำไมราคาหุ้นถึงร่วงอย่างต่อเนื่อง
... มาหาเหตุผลจากบทวิเคราะห์กันครับ สรุปมาให้ได้อ่านกัน
1. บทวิเคราะห์เมย์แบงก์กิมเอ็ง วิเคราะห์ว่า กำไรไตรมาส 3 ที่กำลังจะประกาศนี้่ จะฟื้นตัวจากไตรมาส 2 ในปีเดียวกัน แต่แย่กว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว (ลดลง 41%)
2. ประเด็นที่น่ากังวล คือ ยอดขายต่อสาขา (Same Store Sale Growth) ติดลบมากถึง 16%
สิ่งที่น่ากังวลคือ SSSG ติดลบ 16% แต่จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4/63
ที่มาภาพ : บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ม
3. ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ชะลอตัวเล็กน้อย แต่ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่เพียงพอให้ผลประกอบการออกมาดูดี (คาดว่าจะลดลง 8%)
4. บริษัทมีความตั้งใจในการควบคุมค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน ปรับโครงสร้างองค์กร (ค่าใช้จ่ายจะลดลงราวๆ 200 ล้านบาท)
5. กำไรจะฟื้นตัวเด่นชัดในไตรมาส 4 ปี 2563 นำโดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์และบิ๊กซี
6. ในปีหน้าบิ๊กซีจะมียอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้นโดยรวม รายได้จากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น
โดยรวมราคาหุ้น BJC ยังโดนแรงขายต่อเนื่อง สาเหตุน่าจะมาจากนักลงทุนมีความกังวลยอดขายต่อสาขาที่หดตัวรุนแรงมากถึง 16% ถือว่าสูงมาก
แต่ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ยังแสดงความเห็นอีกว่าผลประกอบการของ BJC จะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 จนถึงปีหน้าทั้งปี 2564 นำโดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์และค้าปลีกอย่างบิ๊กซี
ใครที่สนใจ BJC อาจจะต้องให้เวลา และมองยาวกันสักหน่อยหนึ่งครับ
-----------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล