"พี่ครับ ผมขาดทุนอีกแล้ว ผมว่าผมคิดดีแล้วนะ"
"Q3 งบน่าจะดีแน่นอน อาจจะ new high ผมเลยซื้อ แต่ราคาหุ้นลง"
"Q3 งบน่าจะแย่เกือบขาดทุน ผมเลยขาย แต่ราคาดันขึ้นซะงั้น"
"นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ร้านค้าเปิดแล้วคนยังดูเงียบๆ ธุรกิจดูซึมๆ ผมก็เลือกที่จะรอ แต่หุ้นมันไม่รอผม ขึ้นเอาๆ"
"สรุปพอร์ตผมก็ยังแดงเหมือนเดิม ผมคิดผิดตรงไหน พี่บอกผมที"
-------------------------------
เรื่องของการลงทุนในตลาดหุ้น ถึงแม้ว่าจะอยู่บนพื้นฐานของการทำธุรกิจทั้งในแง่ของรายได้และกำไร แต่ว่าบ่อยครั้งที่ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้ขึ้นหรือลงในจังหวะเวลาเดียวกันกับการเติบโตของผลประกอบการ
วันนี้เลยอยากมาชวนทุกคนคุยกันว่าถ้าอยากประสบความสำเร็จในการลงทุน หลักการคิดที่ดีควรมีอะไรบ้าง
1. คิด 2 ชั้น
บางทีการมองแบบตรงไปตรงมาอาจใช้ไม่ได้ผลกับตลาดหุ้นที่ลงทุนกับความคาดหวังของผลประกอบการ หลายครั้งขึ้นลงตามข่าว ตามสตอรี่ ตามผลของแผนการที่จะเกิดขึ้น ทำให้เราต้องคิดให้ลึกขึ้นว่าสิ่งที่เราเห็นจะส่งผลอย่างไรต่ออนาคตของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น
- บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กทำโครงการขายบ้านได้ดีมาก กำไรก็เติบโต เราก็เลยซื้อหุ้น เพราะดูแนวโน้มแล้วจากยอดขายที่เห็น ยังไงก็น่าจะดีต่อ แต่ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็ก เลยขาดเงินทุน ทำได้ทีละไม่กี่โครงการ เงินกู้เต็มเพดานแล้ว D/E ทะลุ 2 เท่า อยู่ ๆ วันดีคืนดี ผู้บริหารอยากขยายโครงการให้ไว เลยประกาศเพิ่มทุน 1:1 ราคาหุ้นที่พุ่งอยู่ดีๆ ก็ร่วงไม่เป็นท่า dilute ตามราคาเพิ่มทุนนั้นเอง เพราะฉะนั้นเวลาเราคิดก็ต้องมองให้ครบทุกมุม และมองความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นที่จะกระทบราคาหุ้นได้
- หุ้นที่มีข่าวซื้อกิจการ หุ้นมักจะขึ้นวันแรกๆ เพราะดูเหมือนจะดี แต่เราต้องคิดต่ออีกชั้นว่า ซื้อด้วยเงินตัวเอง ต้องกู้ หรือเพิ่มทุน ซื้อมาแล้วเป็นภาระ หรือเป็นตัวช่วยให้เกิด synergy กับกิจการเดิม เพราะหลายครั้งที่หุ้นขึ้นตอนประกาศข่าว ผ่านไปซักระยะเริ่มไม่ขึ้น พอซื้อเสร็จงบไม่ได้ดีแบบที่คิด หุ้นก็ลงได้
- หุ้น commodity ปีนี้ดีแล้วปีหน้าดีมั้ย ตอนนี้ลานีญา แล้วเมื่อไหร่เอลนีโญ
2. คิดสั้น
ไม่ได้บอกให้คิดสั้นแบบนั้นนะครับ คือ อยากให้คาดการณ์ผลงานบริษัทให้ออกว่า ในระยะสั้น อีก 1-2 ไตรมาส ที่กำลังจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะว่ากันว่า ตลาดหุ้นมักมองไปข้างหน้าอย่างน้อย 6 เดือน เพราะเวลาที่เราดูงบล่าสุดที่เพิ่งประกาศออกมานั้นคือ อดีตอย่างน้อยก็ 45 วันที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะไม่ได้บอกว่า อนาคตของบริษัทจะต้องดีเหมือนเดิม
3. คิดยาว
มองสั้นๆ ซัก 6 เดือนแล้ว ลองมองยาวๆ ไปในอนาคตว่า ปีหน้า 2 ปี ข้างหน้าเป็นอย่างไร ภาพลางๆ อีก 3-5 ปี น่าจะไปยืนที่จุดไหน และถ้าเราหลับฝันไป ตื่นมาอีกที 10 ปี ข้างหน้า บริษัทนี้จะยังอยู่รอดปลอดภัยหรือไม่ การที่เราหัดมองแบบนี้จะช่วยให้เรามั่นใจในการลงทุนระยะยาวมากขึ้น ซึ่งเราสามารถดูได้จากวิสัยทัศน์ แผนการของผู้บริหาร โครงการก่อสร้าง Backlog การวางตัวแทนผู้บริหารรุ่นต่อไป (successor) เป็นต้น เพราะหลายครั้งเลยที่งบปีนี้ดีมาก แต่ปีหน้าตอบยากอย่างเช่น หุ้น commodity หุ้นรับเหมา หุ้นอสังหาฯ
4. คิดเผื่อความคาดหวัง
ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่มีการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนที่สิ่งนั้นจะเกิดขึ้น ทำให้เราต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ที่บอกว่างบดี ไม่ใช่แค่เทียบปีที่แล้ว หรือไตรมาสที่แล้วเท่านั้น แต่ต้องเทียบกับคาดการณ์งบจากนักวิเคราะห์และเป้าหมายของบริษัทด้วย บางทีงบดีแต่หุ้นลงเพราะแย่กว่าที่คาด บางทีงบแย่แต่ไม่ขาดทุน หุ้นวิ่งจนลิ่งเพราะดีกว่าคาดที่ว่างบจะแดง
5. ลงมือทำก่อน 1 step
เมื่อเราประมวลความคิดอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว เราก็ต้อง action วางแผน ลงมือซื้อขายก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ชัวร์ 100% เพราะถ้าให้รอ หุ้นก็ขึ้นไปก่อนล่วงหน้าแล้ว เราต้องซื้อตอนภาพเบลอ และขายตอนภาพชัด ตอนที่ใครๆ ยังหวั่นใจ ยังไม่เชื่อมั่นว่าหุ้นตัวนี้จะมาจริง ถ้าเราเห็นภาพชัดประมาณ 70% ดูแนวโน้มแล้วน่าจะใช่ เราก็ซื้อตอนนั้นเลย แต่ถ้าของจริงออกมาผิดคาด ก็ต้องมีแผนจัดการเช่นกัน
การลงทุนให้ประสบความสำเร็จอย่ามองอะไรแค่ชั้นเดียว ให้จำไว้ว่า
Think twice and action one step ahead.