วงจรเศรษฐกิจและตลาดหุ้น มีขึ้น มีลง หมุนวนเป็นรอบ เป็นวัฏจักร ไม่มีทางขึ้นไปตลอด และไม่มีทางลงตลอด
คำถามใหญ่คือ ในเชิงการลงทุน เราจะลงทุนในแต่ละวัฏจักรเศรษฐกิจได้อย่างไร
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักวัฏจักรเศรษฐกิจและธรรมชาติของตลาดหุ้นกันก่อนครับ
รอบวัฏจักรเศรษฐกิจเคลื่อนไหวขึ้นลง ของ GDP ในรอบหนึ่ง แบ่งออกเป็น 4 ช่วง คือ
1. ภาวะตกต่ำ (Trough) ค้าขายฝืดเคือง ความต้องการสินค้าต่ำเมื่อเทียบกับกำลังการผลิต มีการว่างงานสูง
2. ภาวะฟื้นตัว (Recovery) มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การจ้างงานเพิ่ม ยอดขายเพิ่ม
3. ภาวะรุ่งเรือง (Peak) เป็นจุดสูงสุดของวัฏจักร ประสิทธิภาพการผลิตถูกดึงมาใช้อย่างเต็มที่
4. ภาวะถดถอย (Recession) เป็นช่วงที่มีการหดตัวของ GDP หากเกิดภาวะนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานเรียกว่า เศรษฐกิจตกต่ำ (Depression)
ทั้ง 4 ระยะ แบ่งแยกโดยใช้เครื่องมือชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ตัวเลขการเติบโต GDP, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ฯลฯ การจะจำแนกโดยดูข้อมูลเหล่านี้จะมีหน่วยงานที่ดูแลทางด้านเศรษฐกิจ สถาบันการศึกษา และนักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ มาให้ข้อมูลผ่านสื่อเป็นระยะ ว่าเศรษฐกิจประเทศอยู่ในช่วงไหน
ในฐานะนักลงทุนรายย่อย เราสามารถจับวัฏจักรเศรษฐกิจผ่านตลาดทุนได้ โดยดูจากพฤติกรรมการลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งถือเป็น Leading Indicator เพราะธรรมชาติของตลาดหุ้น...จะถูกซื้อขายกันบนความคาดหวัง ถึงสิ่งที่นักลงทุนทั้งตลาดคาดว่าจะเห็นในอนาคต
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคิดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะดี จะฟื้นตัว นักลงทุนก็จะมีแนวโน้มเข้าซื้อลงทุนกันวันนี้ หรือถ้าคิดว่าเศรษฐกิจปีหน้าแนวโน้มถดถอย หรืออาจจะถึงขั้นย่ำแย่ต่อเนื่อง ก็จะขายลดพอร์ตปีนี้ล่วงหน้าเลย
จุดที่ดีที่สุดในการลงทุนคือ รอยต่อระหว่างภาวะตกต่ำ และเริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้นตัว นี่คือบริเวณที่จะได้หุ้นที่โซนความเสี่ยงต่ำ และคาดหวังการฟื้นตัวไปสู่ภาวะปกติได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
หากคุณ มีความเชื่อในเรื่อง วัฏจักรเศรษฐกิจแล้ว ตลาดหุ้นไทย จึงไม่ได้ถือว่าหมดหวังไปซะทีเดียว
เติบโต-> ถึงสุดยอด-> เริ่มถดถอย -> ฝืดเคืองห่อเหี่ยว -> ฟื้นตัว -> เติบโตใหม่ วนเวียนไม่จบสิ้น เป็นแบบนี้มานาน และจะเป็นต่อไป
คำถามใหญ่ของชีวิตคือ "เรากำลังอยู่ที่ช่วงไหนของวัฏจักรเศรษฐกิจ?"
เพราะการจะพลิกเกมจากภาวะตกต่ำ ฝืดเคืองห่อเหี่ยว มาเป็นช่วงฟื้นตัวได้ ต้องอาศัยเจ้ามือตัวจริง คือ "กำไรของบริษัทจดทะเบียน" ที่ต้องเติบโตดี ซึ่งจากฐานที่ต่ำเตี้ยของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ (หรืออาจจะซึมยาวถึงปีหน้าด้วยในบางกลุ่ม) จะเป็นฐานชั้นดี ให้หุ้นหลายตัวมี Earning Growth ที่สวยงามในวันหน้า
พร้อมด้วย "ภาวะดอกเบี้ยต่ำ" ซึ่งจะยิ่งกระตุ้นให้เม็ดเงินในระบบต้อง search for yield คือ นักลงทุนจะวิ่งหาผลตอบแทนมากขึ้นโดยแลกกับการยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น ....นั่นจะทำให้เงินนอกตลาดไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น
ดังนั้น ถ้าตอนนี้เราเชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงฝืดเคืองห่อเหี่ยว กำไรบริษัทจดทะเบียนอยู่ในช่วงตกต่ำ... ต้องประเมินต่อว่า เราจะต้อง(ทน)อยู่กับมันนานแค่ไหน นี่คือ "เกมยาว หรือ เกมสั้น"
ถ้าเชื่อว่านี่คือเกมสั้น แปลว่า คุณเชื่อในเศรษฐกิจไทย ว่าจะถูกแก้ไขได้เร็ว ให้ไปต่อได้ ฟื้นไว ในปีหน้า
กลยุทธ์คือการสะสมหุ้นไทยได้เลย ดัชนีแถวนี้คือย้อนหลังกลับไป 8 ปีละครับ
ถ้าเชื่อว่านี่คือเกมยาว แปลว่า คุณไม่มั่นใจเท่าไหร่ ถ้าแย่ๆแบบช่วงต้มยำกุ้งเลย เราตกท้องช้างยาวไป 4.5 ปีครับ
กลยุทธ์คือการสะสมหุ้นไทย แบบรักน้อยๆแต่รักนานๆ ค่อยๆเติม อย่างไม่หักโหม
เพราะที่สุด จากฐานที่ต่ำ มันก็จะกลับมาฟื้นได้อีก ตามรอบวัฎจักร
จะใช้เวลานานแค่ไหนเท่านั้นเอง