ช่วงนี้ หุ้น IPO เข้าตลาดกันเป็นรายวันเลยทีเดียว พรุ่งนี้ 8 ตุลาคม จะมีอีกหนึ่งบริษัทที่ชื่อว่า ศิรกร หรือ SK เข้าตลาด เรามาดูกันดีกว่าครับว่ามีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง

1. ก่อตั้งมา 30 ปี เริ่มต้นจากผลิตเสาคอนกรีต สู่รับเหมาก่อสร้าง

แม้ว่าชื่อดูไม่คุ้นหู แต่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 โดยแบ่งได้ 2 ธุรกิจ คือ

>> 60-70% ขายเสาไฟฟ้าคอนกรีตและเสาเข็ม มี 6 โรงงานทั่วประเทศที่ ลำปาง กาฬสินธุ์  ชัยนาท ชลบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา

ข้อดีคือ ช่วยประหยัดต้นทุนค่าขนส่ง แต่ละโรงงานวิ่งได้ในรัศมี 200 กิโลเมตร รถเที่ยวนึงขนเสาไฟฟ้าได้ 3-4 ต้น วิ่งบ่อยแต่อยู่ใกล้โรงงานก็ประหยัดหน่อย ตอนนี้โรงงานมี กำลังการผลิต 80,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ตอนนี้รันอยู่ 60-70% ยังรับงานเพิ่มได้สบาย

 30-40% รับเหมาก่อสร้างมี 2 แบบคือ สร้างสายส่งไฟฟ้า และงานโยธา เช่น เขื่อน กำแพงคันดิน สะพาน ก็ได้ประโยชน์จากการที่มีโรงงานผลิตคอนกรีตของตัวเอง

2. แนวโน้มหันมาทำงานรับเหมาสายส่งไฟฟ้ามากขึ้น

แผนคือ จะให้สัดส่วนของงานรับเหมาเป็น 50% และมาเน้นงานสายส่งไฟฟ้าเป็นหลัก ตอนนี้ที่ทำเองคือ รับงาน 115 kv โครงการนึงก็ประมาณ 100 ล้านบาท และมีงาน 230 kv ทำกับต่างชาติ งาน 300 ล้านบาท

ปีหน้าจะสามารถรับเองได้คนเดียว ในอนาคตจะขยับขยายไปรับงานแรงดันสูงสุดคือ 500 kv ให้ได้ ซึ่งจะมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

3. รายได้แนวโน้มเติบโต แต่กำไรแอบเหวี่ยง

>> ปี 2560 รายได้ 521 ล้านบาท กำไรสุทธิ 35.3 ล้านบาท
>> ปี 2561 รายได้ 637 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28.8 ล้านบาท
>> ปี 2562 รายได้ 677 ล้านบาท กำไรสุทธิ 50.3 ล้านบาท

>> ครึ่งปีแรก 2562 รายได้ 317 ล้านบาท กำไรสุทธิ 13.6 ล้านบาท
>> ครึ่งปีแรก 2563 รายได้ 274 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.3 ล้านบาท

รายได้แนวโน้มเพิ่มทุกปี หลักๆ มาจากงานรับเหมาสายส่งไฟฟ้า แต่งานขานเสาคอนกรีตลดลง ที่เห็นว่าปีนี้รายได้ลดลงเพราะได้รับผลกระทบจาก COVID เข้าพื้นที่ไม่ได้ ส่งมอบงานไม่ได้ ขายของได้ลดลง แต่เริ่มกลับมาดีขึ้นช่วงปลาย Q2

แต่ฝั่งกำไร เราจะเห็นว่ามีขึ้นมีลง เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง และบางปีได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบกับค่าแรง ปี 2563 พิเศษกว่าปกติ คือ มีรายการพิเศษที่ต้องแก้งานของโครงการปี 2562 ทำให้กระทบกำไรหายไปเยอะ

4. GPM ขายคอนกรีตดีกว่ารับเหมา

GPM รวมอยู่ที่ 20-27% ขึ้นอยู่กับว่าได้งานไหนมากกว่ากัน และต้นทุนวัตถุดิบกับค่าแรงเป็นอย่างไร แต่ถ้าแยกดู GPM ของแต่ละประเภทธุรกิจ แต่ละปีจะได้ตัวเลขแบบนี้

>> ปี 2560 GPM คอนกรีต 32.5% รับเหมา 10.7%
>> ปี 2561 GPM คอนกรีต 26.6% รับเหมา 6.5%
>> ปี 2562 GPM คอนกรีต 29.8% รับเหมา 16.4%

>> ครึ่งปีแรก 2562 GPM คอนกรีต 28.5% รับเหมา 12.9%
>> ครึ่งปีแรก 2563 GPM คอนกรีต 28.5% รับเหมา 11%

สิ่งที่กำลังจะบอกคือ SK จะหันมาทำรับเหมาสายส่งไฟฟ้ามากขึ้น แต่มาร์จิ้นต่ำลง แปลว่า ต้องหางานให้ได้มากขึ้นเพื่อชดเชยกำไรที่หายไป หรือต้องไปหางานกำลังแรงดันสูงๆ ให้ได้มากขึ้น และให้มีกำไรมากขึ้นด้วย

5. ลูกค้า 70% งานราชการ

เป็นงานประมูล ลูกค้าหลัก คือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง เป็นต้น

แต่ 30% ที่เป็นลูกค้าเอกชน ส่วนมากก็จะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างของหน่วยงานต่างๆ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน พูดง่ายๆ คือ เกือบทั้งหมดก็เป็นงานที่มาจากภาครัฐ

6. Backlog 160 ล้านบาท ทยอยรับรู้ปีนี้

มีงานรอส่งมอบ 10 โครงการ คิดเป็น Backlog 160 ล้านบาท  ทยอยรับรู้เกือบหมดปีนี้ และมีงานรอเซ็นต์สัญญาอีก 100 ล้านบาท กับงานประมูลที่ตั้งเป้าไว้ 200 ล้านบาท ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้พอๆ กับปีที่แล้ว

7. จำนวนหุ้น IPO น้อย 115 ล้านหุ้น

รวมกับหุ้นเดิมเป็น 460 ล้านหุ้น ข้อสังเกต คือ ช่วงหลังหุ้นใหม่เข้าตลาดกันจำนวนน้อยๆ เข้ามาทีวันแรกๆ ก็จะวิ่งทะลุเพดาน เป็น 100% แต่พอวันต่อๆ มา ราคาก็จะเริ่มสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ต้องติดตามว่า SK จะบินเหมือนหุ้นตัวอื่นหรือไม่

8. IPO 0.80 บาท P/E 8 เท่า

ราคาหุ้น 80 สตางค์ คิด EPS 4 ไตรมาสย้อนหลังได้ 0.10 บาท ได้ P/E 8 เท่า เทียบกับ SCP 7 เท่า STC 13 เท่า

9. เงิน IPO 87 ล้านบาท ขยายธุรกิจ

>> 67 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน เพื่อรองรับแผนในการขยายงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
>> 20 ล้านบาท ลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การขนส่ง และสภาพแวดล้อมในการทำงาน

10. SK ขอเป็นหุ้นปันผล

ผู้บริหารบอกว่า นโยบายปันผล 50% ที่ผ่านมาจ่ายเกินตลอด และจ่ายต่อเนื่องมา 10 ปี แล้ว โดยมีผู้ถือหุ้นแต่ดั้งแต่เดิมอยู่ 60-70 คน เป็นผู้ก่อตั้ง เพื่อนฝูง คู่ค้า เข้ามาถือหุ้น จากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก การเปลี่ยนมือแทบจะไม่มี

 และนี่ก็คือ เรื่องราวกว่า 30 ปี ของ SK ใครสนใจลองทำการบ้านเพิ่มเติมกันดูครับ วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลงทุนทุกครั้ง