#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

10 เรื่องน่ารู้ "NRF" … ที่ไม่มีใครบอกคุณ

โดย Stock Vitamins - วิตามินหุ้น
เผยแพร่:
94 views

NRF บอกว่าจะเป็น "Food for the Future" หรือ "อาหารแห่งอนาคต" ที่มีดี 3 ด้าน คือดีต่อสุขภาพ ดีต่อโลก และดีต่อเกษตรกร
...วิตามินหุ้นจะพาไปดูกันครับว่า NRF น่าสนใจแค่ไหน


1. ไม่เหมือน RBF แต่มีส่วนคล้าย XO

>> RBF เหมือนเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบที่ใส่ในอาหารและเครื่องดื่มให้มีรสชาติหลากหลายตามลูกค้าต้องการ

>> XO เน้นแบรนด์ตัวเอง ขายซอสพริก เครื่องปรุงรส เครื่องแกงต่างๆ ส่วนมากส่งออกไปยุโรป แต่ขายสหรัฐน้อย

>> แต่ NRF มีสินค้าหลากหลายมากกว่า 2000 sku น้ำจิ้ม ซอสปรุงรส ซอสพริก และแนวโน้มจะเน้นทำอาหารที่เป็นโปรตีนจากพืช หรือที่เรียกว่า Plant-based Food แต่ยอดขายหลักยังมาจาก OEM และส่งออกไปได้ทั้งสหรัฐฯ กับยุโรป พอๆ กัน

 

2. NRF ทำ 3 ธุรกิจหลัก

>> 89% Ethnic Food เครื่องประกอบอาหารและเครื่องปรุงรส เช่น น้ำจิ้ม ซอสปรุงรส ซอสพริก ซอสปรุงอาหาร ธุรกิจนี้ใหญ่ที่สุดแต่ว่าเป็นรับจ้างผลิต (OEM) 63% ส่วนแบรนด์ตัวเองมีสัดส่วน 26%  เช่น พ่อขวัญ ลีแบรนด์ ไทยดีไลท์

>> 7% Plant-based Food ผลิตโปรตีน/เนื้อจากพืช และลงทุนใน Start-ups กลุ่มนี้ด้วย

>> 4% Functional Product สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เจลล้างมือ แต่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เช่น V-shapes ที่ใช้มือเดียวบีบ

 

3. รายได้ทรงๆ กำไรขึ้นลง

> ปี 2560 รายได้ 1,059 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62.1 ล้านบาท
> ปี 2561 รายได้ 1,138 ล้านบาท กำไรสุทธิ 95.5 ล้านบาท
> ปี 2562 รายได้ 1,119 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.8 ล้านบาท

> ครึ่งปีแรก 2562 รายได้ 517 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16.3 ล้านบาท
> ครึ่งปีแรก 2563 รายได้ 604 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41.1 ล้านบาท

> รายได้ประมาณพันล้านบาท ดูทรงๆ ไม่ค่อยโตเท่าไหร่ แต่ปี 2563 ดูขายดี ได้ประโยชน์จาก COVID (เหมือน XO) และมีการขายเจล 25 ล้านบาท (ปีก่อนหน้าไม่มี)

> ส่วนกำไรขึ้นๆ ลงๆ มีผลกระทบหลายด้าน เช่น ย้ายสายการผลิตอาหารประเภทเส้น ปรับเปลี่ยนการตรวจสอบสินค้านำเข้าบางประเภท กระทบยอดขายโซนอเมริกาเหนือ มีค่าตัดจำหน่ายการซื้อกิจการ เป็นต้น

 

4. เป้าหมาย 3 ปี รายได้ 3,000 ล้านบาท

ปัจจุบันรายได้ 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2567 ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท หรือโต 3 เท่าตัว โดยจะเพิ่มสัดส่วน Plant-based food ให้เป็น 30-40% กลายมาเป็นสินค้าหลักของบริษัท คำถามคือ โตได้จริงและเร็วขนาดนี้ได้ใช่มั้ย

 

5 แผนอนาคตมากมายมุ่งสู่ Plant-Based Food

> ไปซื้อโรงงาน City Food สัดส่วน 15% ทำสินค้าคล้ายๆ กัน พวกซอส ผัด ซุป แบรนด์ Classic Thai และมีน้ำเต้าหู้แบรนด์ชินโป โดยสิ้นปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 100%

> รายได้ของ City Food ปีนึงประมาณ 350 ล้านบาท กำไร 9 ล้านบาท แต่ว่ากำลังการผลิตเหลือ คือ Classic Thai ใช้อยู่ 67.6% และ ชินโป 20.6% แปลว่า ยังขยายเพิ่มได้อีก

> ร่วมทุนกับพันธมิตรที่อังกฤษ ตั้งบริษัทชื่อ Plant & Bean (P&B) ผลิตอาหารโปรตีนจากพืช ได้แก่ ไส้กรอก และเนื้อเทียม ตอนนี้ถือหุ้น 25% และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในมิถุนายน 2564 และเห็นบอกว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต 3,400 ตัน เป็น 36,000 ตัน

> ลงทุนในเครื่องจักรผลิตเส้นบุกเครื่องที่ 2  มีลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐได้เซ็นต์ MOU ที่จะมาจ้างผลิตระยะเวลาประมาณ 3 ปี ทำผลิตภัณฑ์จากบุกประมาณ 15 ล้านหน่วย

> ลงทุนเพิ่มเติมใน Big Idea Venture และกองทุนนิวโปรตีน ที่มีขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท เป้าหมายลงทุนใน ฆStart Up 100 ราย ภายใน 3 ปี  

> ลงทุนใน Phuture Food Limited  สตาร์ทอัพด้าน Food Tech ในทวีปเอเชีย เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หมูสับเทียมที่ผลิตจากโปรตีนจากถั่วเหลือง

 

6. อัตรากำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ดูไม่สูงนัก

ปี 2560 GPM 33.5% NPM 5.9%
ปี 2561 GPM 32.2% NPM 8.4%
ปี 2562 GPM 29.4% NPM 3.6%
ครึ่งปีแรก 2563 GPM 31.1% NPM 6.8%

ถ้าตีกลมๆ GPM ประมาณ 30% เทียบกับ XO, RBF ที่อยู่ 30 ปลาย 40 ต้น คงเป็นเพราะว่า สัดส่วน OEM เยอะอยู่

ส่วน NPM ก็เฉลี่ย 6-7% เทียบกับ XO, RBF 15-20% ก็ต่างกันเท่าตัว


7. ราคา IPO 4.60 บาท P/E 95 เท่า

คำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง เท่ากับ 65.57 ล้านบาท หารด้วยหุ้นหลัง IPO 1,355.78 ล้านหุ้น แต่ถ้ากำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน P/E ก็จะลดลงมากกว่านี้ ถ้าเทียบกับ XO P/E 26 เท่า และ RBF P/E 44 เท่า

 

8. ขาย IPO 340 ล้านหุ้น

>> 290 ล้านหุ้น เป็นหุ้นที่ออกใหม่มาขาย
>> 50 ล้านหุ้น เป็นหุ้นเดิมของ DPA Fund S Limited ที่เอาออกมาขาย

หุ้นจำนวนไม่ได้น้อยมากนักเหมือนหลายบริษัทก่อนหน้าที่เพิ่งเข้าตลาดไป ก็ต้องใช้พลังในการขึ้นลงมากกว่านะครับ

 

9. มีขายหุ้นต่ำจองก่อน IPO

มีหุ้นจำนวน 268,553 หุ้น ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนหน้านี้ในราคา 300 บาท ตอนพาร์ 100 บาท ถ้าเทียบพาร์ปัจจุบัน เท่ากับ 3 บาท ต่ำกว่าราคา IPO 4.60 บาท

 

10. เงิน IPO เอาไปคืนหนี้เป็นส่วนใหญ่

>> 972 ล้านบาท ชำระหนี้ธนาคาร
>> 188-328 ล้านบาท ลงทุนขยายกิจการ เช่น ขยายกำลังการผลิตที่ City Food และซื้อโรงงานผลิต Plant Based Food ที่อังกฤษ


 และนี่ก็คือ เรื่องราวของ NRF ที่จะเป็น อาหารแห่งอนาคต กับเป้าหมายโต 3 เท่า 3,000 ล้านบาท ใน 3 ปี โดยฝากความหวังไว้ที่ Plant-based Food จะเป็นจริงได้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันครับ

ใครสนใจลองทำการบ้านเพิ่มเติมกันดูครับ วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลงทุนทุกครั้ง


ผู้ชนะแข่งขันโครงการ Stock Writer ของ stock2morrow

https://www.facebook.com/pg/stock.vitamins

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง