NRF บอกว่าจะเป็น "Food for the Future" หรือ "อาหารแห่งอนาคต" ที่มีดี 3 ด้าน คือดีต่อสุขภาพ ดีต่อโลก และดีต่อเกษตรกร
...วิตามินหุ้นจะพาไปดูกันครับว่า NRF น่าสนใจแค่ไหน
1. ไม่เหมือน RBF แต่มีส่วนคล้าย XO
>> RBF เหมือนเป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบที่ใส่ในอาหารและเครื่องดื่มให้มีรสชาติหลากหลายตามลูกค้าต้องการ
>> XO เน้นแบรนด์ตัวเอง ขายซอสพริก เครื่องปรุงรส เครื่องแกงต่างๆ ส่วนมากส่งออกไปยุโรป แต่ขายสหรัฐน้อย
>> แต่ NRF มีสินค้าหลากหลายมากกว่า 2000 sku น้ำจิ้ม ซอสปรุงรส ซอสพริก และแนวโน้มจะเน้นทำอาหารที่เป็นโปรตีนจากพืช หรือที่เรียกว่า Plant-based Food แต่ยอดขายหลักยังมาจาก OEM และส่งออกไปได้ทั้งสหรัฐฯ กับยุโรป พอๆ กัน
2. NRF ทำ 3 ธุรกิจหลัก
>> 89% Ethnic Food เครื่องประกอบอาหารและเครื่องปรุงรส เช่น น้ำจิ้ม ซอสปรุงรส ซอสพริก ซอสปรุงอาหาร ธุรกิจนี้ใหญ่ที่สุดแต่ว่าเป็นรับจ้างผลิต (OEM) 63% ส่วนแบรนด์ตัวเองมีสัดส่วน 26% เช่น พ่อขวัญ ลีแบรนด์ ไทยดีไลท์
>> 7% Plant-based Food ผลิตโปรตีน/เนื้อจากพืช และลงทุนใน Start-ups กลุ่มนี้ด้วย
>> 4% Functional Product สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เจลล้างมือ แต่ใส่ในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เช่น V-shapes ที่ใช้มือเดียวบีบ
3. รายได้ทรงๆ กำไรขึ้นลง
> ปี 2560 รายได้ 1,059 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62.1 ล้านบาท
> ปี 2561 รายได้ 1,138 ล้านบาท กำไรสุทธิ 95.5 ล้านบาท
> ปี 2562 รายได้ 1,119 ล้านบาท กำไรสุทธิ 40.8 ล้านบาท
> ครึ่งปีแรก 2562 รายได้ 517 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16.3 ล้านบาท
> ครึ่งปีแรก 2563 รายได้ 604 ล้านบาท กำไรสุทธิ 41.1 ล้านบาท
> รายได้ประมาณพันล้านบาท ดูทรงๆ ไม่ค่อยโตเท่าไหร่ แต่ปี 2563 ดูขายดี ได้ประโยชน์จาก COVID (เหมือน XO) และมีการขายเจล 25 ล้านบาท (ปีก่อนหน้าไม่มี)
> ส่วนกำไรขึ้นๆ ลงๆ มีผลกระทบหลายด้าน เช่น ย้ายสายการผลิตอาหารประเภทเส้น ปรับเปลี่ยนการตรวจสอบสินค้านำเข้าบางประเภท กระทบยอดขายโซนอเมริกาเหนือ มีค่าตัดจำหน่ายการซื้อกิจการ เป็นต้น
4. เป้าหมาย 3 ปี รายได้ 3,000 ล้านบาท
ปัจจุบันรายได้ 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2567 ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท หรือโต 3 เท่าตัว โดยจะเพิ่มสัดส่วน Plant-based food ให้เป็น 30-40% กลายมาเป็นสินค้าหลักของบริษัท คำถามคือ โตได้จริงและเร็วขนาดนี้ได้ใช่มั้ย
5 แผนอนาคตมากมายมุ่งสู่ Plant-Based Food
> ไปซื้อโรงงาน City Food สัดส่วน 15% ทำสินค้าคล้ายๆ กัน พวกซอส ผัด ซุป แบรนด์ Classic Thai และมีน้ำเต้าหู้แบรนด์ชินโป โดยสิ้นปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 100%
> รายได้ของ City Food ปีนึงประมาณ 350 ล้านบาท กำไร 9 ล้านบาท แต่ว่ากำลังการผลิตเหลือ คือ Classic Thai ใช้อยู่ 67.6% และ ชินโป 20.6% แปลว่า ยังขยายเพิ่มได้อีก
> ร่วมทุนกับพันธมิตรที่อังกฤษ ตั้งบริษัทชื่อ Plant & Bean (P&B) ผลิตอาหารโปรตีนจากพืช ได้แก่ ไส้กรอก และเนื้อเทียม ตอนนี้ถือหุ้น 25% และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในมิถุนายน 2564 และเห็นบอกว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต 3,400 ตัน เป็น 36,000 ตัน
> ลงทุนในเครื่องจักรผลิตเส้นบุกเครื่องที่ 2 มีลูกค้ารายใหญ่จากสหรัฐได้เซ็นต์ MOU ที่จะมาจ้างผลิตระยะเวลาประมาณ 3 ปี ทำผลิตภัณฑ์จากบุกประมาณ 15 ล้านหน่วย
> ลงทุนเพิ่มเติมใน Big Idea Venture และกองทุนนิวโปรตีน ที่มีขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท เป้าหมายลงทุนใน ฆStart Up 100 ราย ภายใน 3 ปี
> ลงทุนใน Phuture Food Limited สตาร์ทอัพด้าน Food Tech ในทวีปเอเชีย เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หมูสับเทียมที่ผลิตจากโปรตีนจากถั่วเหลือง
6. อัตรากำไรค่อนข้างสม่ำเสมอ แต่ดูไม่สูงนัก
ปี 2560 GPM 33.5% NPM 5.9%
ปี 2561 GPM 32.2% NPM 8.4%
ปี 2562 GPM 29.4% NPM 3.6%
ครึ่งปีแรก 2563 GPM 31.1% NPM 6.8%
ถ้าตีกลมๆ GPM ประมาณ 30% เทียบกับ XO, RBF ที่อยู่ 30 ปลาย 40 ต้น คงเป็นเพราะว่า สัดส่วน OEM เยอะอยู่
ส่วน NPM ก็เฉลี่ย 6-7% เทียบกับ XO, RBF 15-20% ก็ต่างกันเท่าตัว
7. ราคา IPO 4.60 บาท P/E 95 เท่า
คำนวณจากกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง เท่ากับ 65.57 ล้านบาท หารด้วยหุ้นหลัง IPO 1,355.78 ล้านหุ้น แต่ถ้ากำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน P/E ก็จะลดลงมากกว่านี้ ถ้าเทียบกับ XO P/E 26 เท่า และ RBF P/E 44 เท่า
8. ขาย IPO 340 ล้านหุ้น
>> 290 ล้านหุ้น เป็นหุ้นที่ออกใหม่มาขาย
>> 50 ล้านหุ้น เป็นหุ้นเดิมของ DPA Fund S Limited ที่เอาออกมาขาย
หุ้นจำนวนไม่ได้น้อยมากนักเหมือนหลายบริษัทก่อนหน้าที่เพิ่งเข้าตลาดไป ก็ต้องใช้พลังในการขึ้นลงมากกว่านะครับ
9. มีขายหุ้นต่ำจองก่อน IPO
มีหุ้นจำนวน 268,553 หุ้น ขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อนหน้านี้ในราคา 300 บาท ตอนพาร์ 100 บาท ถ้าเทียบพาร์ปัจจุบัน เท่ากับ 3 บาท ต่ำกว่าราคา IPO 4.60 บาท
10. เงิน IPO เอาไปคืนหนี้เป็นส่วนใหญ่
>> 972 ล้านบาท ชำระหนี้ธนาคาร
>> 188-328 ล้านบาท ลงทุนขยายกิจการ เช่น ขยายกำลังการผลิตที่ City Food และซื้อโรงงานผลิต Plant Based Food ที่อังกฤษ
และนี่ก็คือ เรื่องราวของ NRF ที่จะเป็น อาหารแห่งอนาคต กับเป้าหมายโต 3 เท่า 3,000 ล้านบาท ใน 3 ปี โดยฝากความหวังไว้ที่ Plant-based Food จะเป็นจริงได้หรือไม่ ต้องติดตามดูกันครับ
ใครสนใจลองทำการบ้านเพิ่มเติมกันดูครับ วิตามินหุ้นเพียงให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และอย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนลงทุนทุกครั้ง