ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 แล้ว เรามาดูมุมมองบทวิเคราะห์ว่ามีมุมมองกันอย่างไรบ้างครับ

บล.ทิสโก้ วิเคราะห์ว่า หุ้นไทยมีปัจจัยลบค่อนข้างมากทั้งในและต่างประเทศ ..
>> ปัจจัยต่างประเทศ คือ สัญญาณเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว วิกฤต COVID ยังไม่ฟื้น มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังไม่รู้ว่าจะออกไปทางไหน
>> ปัจจัยในประเทศ คือ กำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวมยังไม่ฟื้นตัว การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้น และอาจจะมีการระบาด COVID ระลอกใหม่ได้ รวมถึงปัญหาการเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะก้าวเดินไปทางไหน
... คาดว่าหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวซิกแซกลงมากกว่า

บล.ไทยพาณิชย์ มองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะมีโอกาสได้เห็น 1200 จุด และจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัย 3 ประเด็่นที่ต้องติดตาม คือ
1. ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของภาคธนาคารที่จะออกมาในช่วง 22 ต.ค.นี้ จะเป็นอย่างไร
2. การเลือกตั้งของสหรัฐ จะออกมาทิศทางไหน
3. ปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ที่ยังต้องติดตามและอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน

 ด้านภาพรวมของหุ้นไทย ถูกแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่เยอะ โดยเฉพาะในกลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี ภาคธนาคาร โดยเฉพาะภาคพลังงาน ที่ลงไปเยอะมาก เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้กลุ่มการบินหยุดชะงักไป ดังนั้นความต้องการใช้น้ำมันจึงลดลง
... ขณะที่กลุ่มค้าปลีก แม้จะมีความน่าสนใจหลังจากคลายล็อกดาวน์ในช่วงแรก แต่ล่าสุดในช่วงไตรมาส 3 กำลังซื้อ การจับจ่ายใช้สอบกลับแผ่วลง ดังนั้นจึงเห็นการบริโภคไม่ได้โดดแรง ส่งผลให้กลุ่มดังกล่าวมีการปรับลดลงมาบ้าง

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4 นี้ มีโอกาสที่จะเห็นการฟื้นตัวบ้าง ทั้งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของภาครัฐ ข่าววัคซีนแม้จะมีอุปสรรคบ้างแต่ก็ไม่ได้หยุดการพัฒนา การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีความชัดเอง ที่อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการปรับพอร์ต และอาจมีเงินบางส่วนไหลมายังประเทศเกิดใหม่ได้รวมถึงไทย รวมถึงการระบาดโควิด-19 จะสามารถควบคุมได้มากขึ้น

บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า  การเคลื่อนไหวของ SET Index มีความสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแรงซื้อขายจากกองทุนมากขึ้น
แต่ไตรมาส 4 ของปีนี้ จะขาดแรงสนับสนุนจาก LTF ทำให้มองว่ามีโอกาสที่จะลงได้มากกว่า อีกทั้งกองทุนอาจจะมีการปรับพอร์ตมาเข้าซื้อหุ้น IPO ของ SCGP ซึ่งน่าจะมีแรงขายเข้ามาอีกรอบ

โดยภาพรวมแล้วดูไม่ดีเอาซะเลยสำหรับตลาดหุ้นไทย น่าจะเป็นอีกปีที่ "ไม่สวยงาม" เท่าไรนัก จากหลายปัจจัย
1. ปัจจัยทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ
2. วิกฤต COVID ที่ยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
3. ความกังวลกับปัญหาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ
4. ขาดแรงสนับสนุนจากเม็ดเงิน LTF หุ้นไทยน่าจะขึ้นได้ยาก

นักลงทุนต้องติดตามกันต่ออย่างใกล้ชิดครับ ...