กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยขึ้นมาทันที หลังเมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ได้ออกมาประกาศยกเลิกสิทธิ ‘บัตรทอง’ ของคลินิกและโรงพยาบาลหลายแห่ง
หลังมีการพบการเบิกจ่ายผิดปกติของสถานบริการ ไม่ว่าจะเป็นตกแต่งตัวเลข ปลอมแปลงผลตรวจ รวมไปถึงมีการนำข้อมูลบัตรประชาชนไปแอบอ้าง เพื่อนำไปเบิกจ่ายกับ สปสช. เอง
ซึ่งตรงนี้ทำให้ สปสช. มีความจำเป็นต้องยกเลิกสัญญากับสถานพยาบาลที่พบว่ามีการทุจริต แม้ว่าจะทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิบัตรทองประมาณ 800,000 คน ได้รับผลกระทบก็ตาม
โดยให้ผู้มีสิทธิ ‘บัตรทอง’ ที่ได้รับผลกระทบนั้น ไปรับบริการที่หน่วยบริการบัตรทองใดก็ได้ พูดง่ายๆก็คือ ให้ไปหาโรงพยาบาล หรือคลินิกที่ใหม่แทนนั่นเอง
แล้วจะกระทบกับหุ้นโรงพยาบาลอย่างไร ?
รายได้
ต้องมาดูว่าหุ้นโรงพยาบาลแต่ละตัวนั้น มีโครงสร้างรายได้มาจากไหนกันบ้าง หลักๆแล้ว หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล มักจะแบ่งสัดส่วนรายได้จาก ผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยใน (IPD) กลุ่มผู้ป่วยประกันสังคม บัตรทอง ผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติ
สำหรับกรณีผู้ป่วยบัตรทองนั้น โรงพยาบาลเอกชนน่าจะมีจำนวนน้อยกว่าโรงพยาบาลของรัฐ ตรงนี้อาจจะได้รับผลกระทบกับกำไรเล็กน้อย แต่ต้องมาดูกันอีกทีว่าจะโดนค่าปรับเป็นจำนวนมหาศาลหรือไม่
ความเชื่อมั่น
การลงทุนมักจะมาพร้อมกับความเชื่อมั่นเสมอ ซึ่งการทุจริตนั้นจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างมาก ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งตรงนี้จะเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของบริษัทอีกด้วย
ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ที่นอกจากจะต้องแข่งขันในการด้านการบริการทางการแพทย์ จำนวนผู้ป่วยที่มารักษา แต่ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร และความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้ได้