ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ สินทรัพย์ทั่วโลกเริ่มมีการถูกเทขายทำกำไรตั้งแต่หุ้น ทองคำ รวมถึงน้ำมันดิบที่ร่วงค่อนข้างแรง
ล่าสุด น้ำมันดิบที่ตลาดเวสต์เท็กซัสร่วงไปกว่า 3 เหรียญ มาอยู่ที่ 36 เหรียญ ทางนักวิเคราะห์มีมุมมองว่าประกอบไปด้วยประเด็น 2 อย่าง คือ
1. ปัญหา COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย มีโอกาสแพร่ระบาดรอบที่ 2 และวัคซีนที่ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกว่าที่คาด
2. ซาอุดี อารามโค มีแผนที่จะปรับลดราคาน้ำมันให้กับผู้ซื้อในเอเชียในเดือนส.ค.นี้ โดยซาอุดี อารามโค เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย และมีน้ำหนักต่อทิศทางตลาดน้ำมันของโลก
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ของ DBS มีมุมมองว่า ราคาน้ำมันดิบลดลงเป็นบวกต่อหุ้นโรงกลั่นเพราะจะมีต้นทุนการกลั่นที่ต่ำลง แต่สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ บริษัทจะขาดทุนสต๊อคน้ำมัน
... เมื่อมองจากภาพรวมแล้วจะเป็นลบมากกว่าเป็นบวก เพราะในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ปริมาณขายน้ำมันสำเร็จรูปตกต่ำ รวมทั้งจะกระทบกลุ่มปิโตรเคมีด้วย โดยทำให้ราคาปิโตรฯลดลงและอาจก่อให้เกิดผลขาดทุนในสต็อก
ดังนั้น การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลง จะเป็นบวกต่อกลุ่มที่ใช้น้ำมันเป็นหลัก เช่น ขนส่ง เดินเรือ สายการบิน ยางมะตอย และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ (ซึ่งมีต้นทุนพลังงาน 15%-30% การต้นทุนการผลิตรวม)
ราคาน้ำมันดิบ West Texas ร่วงค่อนข้างหนัก
ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันดิบที่ร่วงดูเหมือนจะเป็นบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น แต่เรื่องของขาดทุนสต๊อคน้ำมันก็มองข้ามไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นนักลงทุนยังต้องติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดครับ