ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทยางพาราทั้ง STA และ STGT ออกมาได้น่าประทับใจมากๆ สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญคือ ผลประกอบการของ STA และ STGT จะเติบโตต่อหรือไม่ แล้วราคาหุ้น ณ จุดนี้แพงไปหรือยัง
... มาดูกันครับ
บล. เคทีบี มองหุ้น STGT ว่ายังมีแนวโน้มกำไรเป็นบวกมาก คาดกำไรครึ่งปีหลังจะโตสูงถึง 286% เลยทีเดียว
1. ความต้องการใช้ถุงมือยางยังเติบโตแข็งแกร่ง เนื่องจากถุงมือยางยังขาดแคลน บริษัทอื่นๆยังผลิตได้ไม่เต็มทีเพราะโรคระบาด COVID ส่งผลให้ราคาถุงมือยางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
2. ความต้องการใช้ที่ยุโรปและอเมริกา เพิ่มสูงขึ้นมากโดยเฉพาะถุงมือยางไตไครล์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า
3. ถ้าราคาขายเพิ่มส่งผลให้ Gross Profit Margin สูงขึ้น ในขณะที่ราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นไปอีก
4. ความคืบหน้าวัคซีนไม่น่ากังวล เพราะ STGT มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว ลูกค้าไม่ยกเลิกออเดอร์ และการผลิตเต็มไปถึงปี 2021 ซึ่ง backlog ที่บริษัทมีคิดเป็น 90% ของกำลังการผลิต
ทั้งนี้ ถ้าให้ Valuation ของ STGT โดยมี P/E ที่ 29 เท่า นั้นหมายถึงราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 116 บาท
บล. เคทีบี มองหุ้น STA ว่าได้ประเด็นเชิงบวกจากการถือหุ้นใหญ่ STGT ที่มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีวัคซีน COVID ออกมาแต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบเพราะลูกค้ามีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่มีการยกเลิก Order อีกทั้งลูกค้าล้อยางรถยนต์จีนเริ่มกลับมา ส่งผลให้
1. ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
2. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เพิ่มขึ้นเป็น 29% สาเหตุจากราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้น และแรงหนุนจากธุรกิจถุงมือยาง
3. คู่แข่งปิดตัวไปค่อนข้างมาก ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมยางพาราลดลงมาก ในขณะที่จีนมีคำสั่งซื้อยางในไทยเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ให้ STA มี P/E ที่ 14 เท่า นั้นหมายถึงราคาของ STA จะอยู่ราวๆ 41 บาท
โดยภาพรวมนักวิเคราะห์มอง STA และ STGT ออกมาดีมากๆ อนาคตสดใส และให้ Valuation ของมูลค่าพื้นฐานที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันอยู่มาก
==========================
ขอบคุณแหล่งข้อมูล