ถือว่าเป็นปัจจัยที่น่ากังวลอยู่เหมือนกันสำหรับกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 2563 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID ค่อนข้างหนัก ถึงแม้ว่าหลายโบรคจะคาดกันว่าหลายบริษัทจะฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3/63 และปี 2564 ก็จะกลับมาได้ แต่ถ้าเราพิจารณาจากภาพของเศรษฐกิจแล้วยังถือว่าน่าเป็นห่วง

บทวิเคราะห์คาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะเหลืออยู่ราวๆ 57.28-59.5 บาท/หุ้น หลังประกาศงบไตรมาส 2/63 ทำกำไรรวม 1.17 แสนล้านบาท ลดลง 46% ทำให้ค่า P/E พุ่งสูง ดูแพง มูลค่าพื้นฐานเริ่มตึงตัว อีกทั้งยังมีเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีความแน่นอน

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ว่า ผ่านพ้นช่วงการรายงานงบไตรมาส 2/63 พบว่า บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.17 แสนล้านบาท ลดลง 46% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ช่วง ครึ่งปีแรก มีกำไรรวมกันทั้งสิ้น 1.97 แสนล้านบาท ลดลง 59%YoY

เบื้องต้นประมาณการกำไรทั้งปี 63 ของฝ่ายวิจัย ASPS แบบ Real Time อยู่ที่ 6.2 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS63F ที่ 57.28 (+- 1 บาท/หุ้น) เนื่องจากยังเหลือการปรับประมาณการในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กบางบริษัท

และหากดูจากประมาณการสะท้อนให้เห็นว่า มุมมองของฝ่ายวิจัย ช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจดทะเบียนจะทำกำไรเฉลี่ย ได้ไตรมาสละ 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งถือว่าเริ่มกลับมาใกล้ศักยภาพกำไรในระดับปกติที่บริษัทจดทะเบียนทำได้ (ราวๆ ไตรมาสละ 2 – 2.5 แสนล้านบาท)

ดังนั้นทั้งภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนและเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวต่อจากนี้ น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นดูสดใสขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา กลยุทธ์เลือกหุ้นที่เติบโตเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง เสริมด้วยปัจจัยหนุนต่างๆ เช่น การปรับตัวเพิ่มขึ้นของน้ำมันในช่วงสั้น อย่าง IVL รวมถึงหุ้นที่รอมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ CRC, TKN

บล.ไอร่า มองว่า มีความกังวลต่อตัวเลข EPS ของตลาดหุ้นไทยที่ปัจจุบันอยู่ที่ราว 59.5 บาท/หุ้น ขณะที่คาดการณ์ EPS ของปีหน้ายังอยู่ที่ระดับ 76.7 บาท/หุ้น โดยเรามองหากนักวิเคราะห์ยังไม่ปรับประมาณการขึ้นในช่วง ส.ค.-ก.ย.นี้ คาดตลาดมีโอกาสเผชิญแรงขายหลังมูลค่าทางพื้นฐานในขณะที่หากคิดตาม EPS ปีหน้าที่ระดับ 76.7 บาท/หุ้น นั้นค่อนข้างตึงตัวแล้ว

นี้ก็เป็นเรื่องของภาพของตลาดหุ้นไทย ถึงแม้เราจะผ่านจุดต่ำสุดตอนไตรมาส 2 ไปแล้ว แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ
1. ค่า P/E ที่พุ่งสูง ทำให้มูลค่าดูแพงและตึงตัง
2. สภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน

นักลงทุนต้องติดตามกันต่อไปครับ ...