ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังฉีกตำราเศรษฐศาสตร์ ว่าด้วยเรื่อง ภาพรวมทางเศรษฐกิจดูอ่อนแอมากๆ ไม่ว่าจะเป็น GDP ในประเทศ หรืองบ Q2/2020 ของบางบริษัทที่ดูย่ำแย่ตามที่ประเมินไว้ แต่ในส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นนั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เมื่อดัชนีตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกต่างพากันปรับตัวเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะตลาดหุ้นอเมริกา ดัชนี NASDAQ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ขยันทำจุดสูงสุดโดยไม่สนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศ
มองกลับมาดูตลาดหุ้นไทยเองก็เอากับเขาด้วย หลายๆบริษัทที่งบ Q2/2020 ออกมาขาดทุน แต่ราคาหุ้นกลับไม่ลง
อ้าว เฮ้ยไม่เหมือนที่เรียนมานี่หว่าาา
มาวิเคราะห์กันครับว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงสวนทางกัน และเราจะรับมือกับการลงทุนแบบ New Normal ยังไงดี
ปัจจัยแรกที่หนุนราคาหุ้นในช่วงนี้ น่าจะมาจากสภาพคล่องที่ถูกอัดเข้าไปในระบบเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงสูงมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา
ช่วงที่ไวรัสโควิดกำลังระบาดอย่างรุนแรง หลายๆประเทศมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการอัดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบ การลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
สังเกตุกันมั้ยครับ ว่ายามใดที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงเมื่อไหร่ ภาครัฐจะมีมาตรการพยุงตลาดเข้ามาเสมอ
เป็นการส่งสัญญาณให้กับนักลงทุนว่าไม่ต้องกังวลว่าจะตลาดหุ้นจะลง เพราะเดี๋ยวจะมีคนคอยพยุงไว้นั่นเอง ถึงลงก็ลงไม่หนัก เพราะปรับเกณฑ์การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น Ceiling/Floor ไว้แล้ว
ปัจจัยที่ 2 คือ การค้นพบวัคซีน และโรคโควิดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เมื่อเร็วๆนี้ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย ได้ออกมาประกาศว่ามีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำเร็จแล้ว ซึ่งกำลังเข้าสู่การผลิตและทดลอง แม้จะยังไม่มีการรับรองเรื่องผลข้างเคียงจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ข่าวนี้น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และเป็นปัจจัยเชิงบวกให้แก่ตลาดหุ้นทั่วโลกไปแล้ว
อีกทั้งตัวเลขของผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากโรคโควิด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว ก็ไม่ได้น่าวิตกมากนัก เมื่อมาเทียบกันแล้วนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดอยู่ที่ 3.59% เท่านั้น (ข้อมูลจาก corona tracker ณ วันที่ 14/8/2020)
นับว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำพอสมควร และสามารถรักษาหาย โควิด-19 จึงไม่น่ากลัวอย่างที่ประเมินไว้ตอนแรก
หรือว่าวิกฤตการเงินของโลกจะจบลงแค่นี้ ?
คำถามที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ณ เวลานี้ เมื่อกลไกทางเศรษฐกิจถูกบิดเบี้ยว และถูกแทรกแทรงไปหมด ไม่เป็นไปตามกลไกอย่างที่ควรจะเป็น เม็ดเงินอยู่ในตลาดหุ้น ไม่ได้อยู่ในระดับล่างซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจที่แท้จริง นักลงทุนไม่กลัวตลาดหมีอีกต่อไป เกิดการเก็งกำไรในตลาดมากขึ้น จนกลายมาเป็นตลาดจิงโจ้แทน
นี่จึงเป็นหลุมพรางในโลกลงทุนที่อาจจะไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด แต่ใครจะรู้ว่าบางทีมันอาจจะลึกที่สุดก็เป็นได้
ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคเด็ดจากซีรีย์เริ่อง DARK ฝากถึงนักลงทุนทุกๆคนครับ ว่า...
“สิ่งที่เรารู้คือหยดน้ำ สิ่งที่เราไม่รู้คือมหาสมุทร”