1. ในบรรดาอาเซียน 10 ประเทศ ไอเอมเอฟคาดการณ์เศรษฐกิจไว้ว่า ประเทศที่จะมี GDP ปีนี้
-> แย่ที่สุด คือ ประเทศไทย (-6.7%)
-> ดีที่สุด คือ เวียดนาม (+2.7%)
2. เหตุผลที่ประเทศไทยเป็นอันดับ 1 ด้านความย่ำแย่ของ GDP ปีนี้ เพราะเราพึ่งพาภาคส่งออก และ ภาคท่องเที่ยว อย่างมาก ซึ่งโควิด มาขวิดเข้าเต็มๆ เครื่องยนต์ 2 เครื่องนี้แทบจะดับ
3. ความกังวลจากข้อ 2 ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่อง ถึง "การบริโภคในประเทศ" (Domestic Consumption) เพราะภาคส่งออกและท่องเที่ยว เกี่ยวข้องกับคนไทยจำนวนเกินล้านคน ดูทรงนี้ ประเทศไทยน่าเป็นห่วงมากๆ
4. อย่างไรก็ตาม จากต้นปีที่ผ่านมา ... GDP ไม่ได้สัมพันธ์กับตลาดหุ้นโดยตรง เพราะถ้านำ Index ของ 6 ตลาดหุ้นอาเซียนจากต้นปีถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นที่ Outperform โดดเด่น ทำผลงานดีที่สุด และให้ผลตอบแทน Year to Date เป็น + เพียงตลาดเดียวในอาเซียน คือ "มาเลเซีย" KLCI
5. ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยที่ว่าแย่ๆ กลับกลายเป็นจับกลุ่มที่ 2 ร่วม ซึ่งมี Thailand, Vietnam และ Indonesia ให้ผลตอบแทน "ขาดทุน" พอๆกันที่ประมาณ -18%
6. ตลาดหุ้นที่รั้งท้าย คือ Singapore(-21.5%) และ Philippines (-23.4%)
7. ถ้าการประเมิน GDP เหมือน "คะแนนความตั้งใจเรียน" และ ผลตอบแทนของ Index คือ "ผลการเรียน"
เวียดนาม จะดูเป็นเด็กตั้งใจเรียนที่สุด ... อินโดนีเซียก็ดูตั้งใจเรียนใช้ได้ (GDP ไม่แย่เกินไป)
แต่ผลการเรียน ดันออกมาเท่ากับประเทศไทย ที่มี GDP แย่ที่สุด ซะงั้น
8. สิ่งนี้ไม่รู้จะอธิบายยังไง
-> อาจจะคล้ายกับ USA ที่ GDP ไตรมาสสองย่ำแย่ แต่ตลาดหุ้นก็ยังพุ่งได้
-> หรือ อาจจะต้องดูยาวๆกว่านี้ ก็เป็นได้
9. เอาเป็นว่า การลงทุนในหุ้นไทยปีนี้ เข้าสู่ช่วงที่ยากขึ้น ยากขึ้น เพราะเราเดาอนาคตไม่ออกจริงๆ เรื่องโควิดจะคลี่คลายได้เร็ว ช้า แค่ไหน
นี่เราก็อยู่กับเรื่องนี้มา 6 เดือนเต็มละ
คหสต. ก็ใช้แผนเดิม มี cash 30% ไว้รอซื้อโอกาส ... หุ้นที่มีก็กลั้นใจถือต่อไป อาจจะมองหุ้นต่างประเทศไว้เพิ่มเติมบ้าง
การกระจายความเสี่ยงก็เป็นเรื่องสำคัญ