สัปดาห์ที่แล้ว SET INDEX วิ่งแบบ Side way โดยทำจุดต่ำสุดแถว 1,280 และจุดสูงสุดถึง 1,320 จุด แล้วก็มาหล่นลงแรงๆ ตามภาวะตลาดโลกในวันจันทร์ที่ผ่านมา ช่วงนี้ตลาหุ้นไทยเรายังอิงปัจจุบันภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายมาตรการ QE ของสหรัฐจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐเอง การจัดระเบียบเศรษฐกิจภายในประเทศของจีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าจะมีการขึ้น Sales Tax จากเดิม 5% เป็น 8% ซึ่งมีผลกระทบทางตรงกับ Supplier ของไทย และ Exporter ของไทย ที่มุ่งส่งสินค้าและบริการไปที่ญี่ปุ่น เพราะว่าทางลูกค้าญี่ปุ่นได้มีการต่อรองขอส่วนลดเพิ่มขึ้น อันเป็นความพยายามที่จะคงราคาสินค้าและบริการในประเทศญี่ปุ่น เพื่อมิให้กระทบต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการจากลูกค้าของตน รวมทั้งปัจจัยภายในไม่ว่าจะเป็นความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง การประท้วงที่ยืดยาวมาหลายเดือน ได้ส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจภายในประเทศอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลรักษาการ เปรียบเสมือนเป็ดง่อย ไม่สามารถจะออกนโยบายอะไรออกมาได้ หรือถึงแม้จะทำได้ แต่ผลงานด้านนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน ก็อย่างที่เห็นๆ กัน ส่วนใหญ่จะเป็นนโยบายประชานิยมไม่ว่าจะเป็นโครงการจำนำข้าว ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับงบประมาณหลายแสนล้านบาท ข้าวเน่าคาโกดังเต็มไปหมด นโยบายคันแรกทำให้สูญเสียงบประมาณไปประมาณ 1 แสนล้านบาท ถ้าเอางบประมาณจำนวนนี้ไปสร้างรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1 สาย รถก็จะติดน้อยลง การสูญเปล่าของพลังงานที่เกิดจากภาวะรถติดก็จะน้อยลง เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้ดีขึ้น
ผมได้แค่หวังว่าถ้ามีการปฏิรูปทางการเมืองเกิดขึ้นจริง ก็ขอให้ใส่ข้อห้ามเรื่องนโยบายประชานิยม ไม่ให้มีอีกต่อไป ถ้าพรรคการเมืองไหนหวังดีต่อประชาชนบางกลุ่ม ก็กรุณานำเงินของพรรคของคุณมาใช้ดำเนินการในนโยบายดังกล่าว ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นจริงๆ ผมเชื่อว่านอกจากประชาชนกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายประชานิยมดังกล่าวจะรักคุณแล้ว ประชาชนอื่นๆ ก็คงจะแช่ซ้องความดีที่พรรคของคุณได้สร้างคุณูปการให้โดยไม่ได้ใช้เงินงบประมาณซึ่งมาจากเงินภาษีของคนทั้งชาติ ผมจะเป็นคนหนึ่งที่จะกาบัตรเลือกตั้งเพื่อเลือกพรรคของคุณไปในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ถ้าพรรคคุณบำเพ็ญความดีสม่ำเสมอฉันใดเปรียบเสมือนเกลือที่คงรักษาความเค็มฉันนั้น กลับมาที่ SET INDEX ถ้าการประท้วงเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีการเสียชีวิตเป็นจำนวนที่มากๆ ผมคาดว่าเราไม่น่าจะเห็น SET INDEX ต่ำกว่า 1,250 จุดแล้ว ดังนั้นถ้าวันใด SET INDEX ลงมาแถว 1,250-1,260 จุด ก็น่าจะเลือกหุ้นดีๆ ลงทุนได้แล้วนะครับ ส่วนหุ้นดีๆ ที่ว่าคงต้องมาเลือกจากอุตสาหกรรมข้างล่างที่ผมคัดมาให้ครับ
ธุรกิจเด่น
บทความฉบับที่แล้วผมได้แนะนำไปแล้ว 2 ธุรกิจคือ Content Provider กับ App และ Game Developer ซึ่งถ้าทำดีๆ นอกจากจะขายในประเทศแล้วยังสามารถขายในต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงาน FAIR หรือ พวก App Store, Play Store, Window Store หรือขายโดยตรงให้กับผู้ซื้อ เรา มาต่อธุรกิจเด่นอันดับต่อไปกันนะครับ
3. ธุรกิจที่สร้างและติดตั้งโครงสร้างโครงข่ายส่งสัญญาณ Digital TV (Multiplex Mux) ซึ่งใช้งบลงทุนโครงข่ายละ 3,000 ล้านบาท หลังจากประมูลช่อง Digital TV เสร็จแล้ว ผู้ที่ประมูลช่องดังกล่าวได้ ทุกรายต้องพึ่งพาบริการของผู้ให้บริการโครงข่ายดังกล่าวซึ่งมีอยู่ 4 ราย 5 โครงข่าย (ไทย PBS, อสมท,กรมประชาสัมพันธ์, ช่อง5 (มี 2 โครงข่าย) ซึ่งราคาค่าบริการไม่เท่ากัน ขึ้นกับคุณภาพและ Penetration ของแต่ละราย แต่ภายใน 3 ปี คนไทยเกือบทั่วประเทศก็จะสามารถรับชมช่อง Digital TV ทั้งหลายได้
4. ธุรกิจผลิตและขายกล่องรับสัญญาณ Digital TV รวมทั้งธุรกิจที่ขาย TV ผู้บริโภคที่มีงบ และกำลังจะเปลี่ยน TV อยู่พอดี ก็คงจะเลือกซื้อ Digital TV ที่เป็นระบบเดียวกับระบบการส่งสัญญาณที่ กสทช.กำหนดไว้ซึ่งก็คือระบบ DVB-T2 ของยุโรป ซึ่งอีกไม่นานเราก็จะเห็นคูปองส่วนลดในการแลกซื้อ กล่องรับสัญญาณและ Digital TV ที่สามารถรับชมช่อง Digital TV ได้ ในเร็วๆ นี้ทำให้การตัดสินใจซื้อ TV หรือกล่องรับสัญญาณช่องผู้บริโภคทำใด้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม+ Digital 10 ล้านกล่อง
5. ธุรกิจให้บริการด้าน Non Voice ของค่ายมือถือต่างๆ จากการที่สังคมไทยกลายเป็นสังคมที่ คลั่ง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook ซึ่งคนไทยใช้ Facebook 18 ล้านคนมากเป็นอันดับ 4 ของ เอเชียรองจากอินเดีย อินโดนีเซีย Philippines ในขณะที่ญี่ปุ่นตามมาเป็นอันดับที่ 5 ทั้งๆ ที่ประเทศญี่ปุ่นไฮเทคกว่าเรา จำนวนประชากรก็มากกว่าเราเสียอีก และเป็นอันดับ 2 ของชาติที่ใช้ Line Application 15 ล้านคน รองจากญี่ปุ่นที่มีผู้ใช้ Line ถึง 45 ล้านคน ในขณะที่รายได้ Non voice เพิ่มขึ้นส่วนรายได้จาก Voice จะคงที่หรือถดถอยเล็กน้อย แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างโครงข่าย 3G ไว้รองรับภายใน 3 ปีแรก หลังจากได้สัมประทานจะต้องลงทุนมากหน่อย ยังดีที่ประหยัดเม็ดเงินที่จะต้องส่งให้รัฐเมื่อเทียบกับสมัยก่อน และช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ กสทช. ก็จะมีการประมูลระบบ 4.5G ซึ่งก็คงต้องติดตามดูว่าใครจะประมูลได้ และอย่างไร
เนื้อที่หมดแล้วผมจะมาคัดธุรกิจเด่นและดับต่อในฉบับหน้า อย่าลืมติดตามนะครับ
กิติชัย เตชะงามเลิศ