รู้หรือไม่ว่าต่างชาติขายหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 7 ปี มูลค่าสูงถึง 8 แสนล้านบาท ซึ่งการขายหนักขนาดนี้เป็นสัญญาณเตือนว่าประเทศไทยกำลังเจอกับความยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโตช้าของเศรษฐกิจ ธุรกิจขาดแรงจูงใจในการพัฒนาไม่เน้นในนวัตกรรม และการไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง
แต่ต้องขอบคุณ "พี่กอง" หรือกองทุนในประเทศที่เข้ามารับของต่อจากต่างชาติมูลค่าเกือบ 8 แสนล้านบาทเช่นเดียวกัน ทำให้ SET Index ไม่ตกต่ำไปแตะระดับ 500-600 จุด กันอีกครั้ง
ประเด็นคือ ทำไมต่างชาติถึงขายหุ้นไทยไม่หยุด ?
บทวิเคราะห์ของ KKP Research มีมุมมองที่ผู้เขียนว่าน่าสนใจ ... ประเด็น ด้วยกัน
1. ต่างชาติมีตัวเลือกการลงทุนมาก ประเทศไหนไม่โตก็โยกเงินไปลงทุนประเทศอื่น
แตกต่างจากคนไทยที่ใช้จ่ายเงินบาทเป็นหลัก เข้าใจเศรษฐกิจไทยและบริษัทไทยมากกว่า รู้สึกว่าการลงทุนต่างประเทศมีปัจจัยความเสี่ยงมากมาย
ทั้งนี้ การที่ต่างชาติขายหุ้นไทยมาตลอด ก็อาจจะบ่งบอกได้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่อาจทำให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในอนาคตตกต่ำลงอย่างถาวรเมื่อเทียบกับในอดีตและเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ
2. ประเทศไทยโตช้า ต่างชาติย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น
ไม่เพียงแต่เม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้น แต่เม็ดเงินจำนวนมากที่เคยลงทุนในภาคอุตสาหกรรม การจ้างงานก็ลดต่ำลงด้วย
3. เอกชนไทยลงทุนในไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ประเทศไทยถือว่าอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางค่อนไปทางสูง ถ้าเทียบทั้งกลุ่มแล้วเอกชนจะมีการลงทุนภายในประเทศประมาณ 30.5% เทียบกับ GDP ในขณะที่ประเทศไทยมีการลงทุนโดยภาคเอกชนเพียง 20% ของ GDP เท่านั้น ถือว่ายังน้อย
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลดการลงทุนลงอย่างมาก ได้แก่ กลุ่มพลังงาน การก่อสร้าง การขนส่ง IT distributor อิเลกทรอนิกส์ และชิ้นส่วนยานยนต์
ส่วนกลุ่มที่ยังมีการลงทุนเพิ่ม ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร การค้าปลีก รวมทั้งกลุ่ม healthcare และอสังหาริมทรัพย์
จากข้อมูลนี้ สะท้อนได้ว่าประเทศไทยกำลังพึ่งพาเรื่องของการท่องเที่ยว และการบริการมากขึ้น นั้นเอง
กลับมาที่คำถามว่า อ่าว!! ทำไมเอกชนไทย ถึงไม่ลงทุนในไทยกันละ ?
ทางบทวิเคราะห์แยกออกเป็น 3 ด้านหลักๆ คือ
1. ผลตอบแทนจากการลงทุนในไทยอยู่ในระดับต่ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภคที่ไม่โต นวัตกรรมและเทคโนโลยีไม่ตอบโจทย์ และต้นทุนแรงงานสูง
2. ภาครัฐไม่ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันเสรี เอื้อประโยชน์รายใหญ่
3. ความไม่มีเสถียรภาพของนโยบายเศรษฐกิจและการเมือง
นี้ก็เป็นสรุปใจความสำคัญที่น่าสนใจ ...
ทั้งนี้ ถ้าใครติดตามอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ หรือวิวัฒนาการของตลาดหุ้นจะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นไทยกำลังก้าวไปสู่ความเป็นตลาดที่พัฒนาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นนิวยอร์คสมัยก่อน หรือตลาดที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น ฮ่องกง ต่างก็อาศัยเม็ดเงินจากกองทุนในประเทศตัวเองเพื่อดันดัชนีให้เป็นขาขึ้นในระยะยาว
... และหุ้นไทยก็เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
ตลาดหุ้นไทยจะถูกควบคุมด้วยเม็ดเงินของ "กองทุนไทย" ในอนาคต ไม่ใช่อาศัย Fund Flow จากต่างชาติอีกต่อไปแล้ว ที่บทจะลากหุ้นขึ้นก็ซื้ออย่างเดียว หรือขายหุ้นไทย หุ้นไทยก็ร่วงเป็นน้ำหาฐานไม่เจอ
นี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องมองให้ออก เพื่อวางธีมและกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในระยะยาวครับ
-----------------------------
ขอบคุณแหล่งข้อมูล