#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

ปัจจัยกระทบราคาหุ้นในยุคโควิด

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
176 views

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากการติดตามราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทยจำนวนมาก ที่มีการซื้อขายกันในแต่ละวัน พบว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นไทย มักมีการเคลื่อนไหวจากปัจจัยหลัก 2 ประการ 

 

1. Fundamental ปัจจัยพื้นฐาน 

-> งบการเงินรายไตรมาส.. ถ้างบการเงินเติบโต รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม งบดุลแข็งแกร่ง นั่นคือการยืนยันการเติบโตของราคาหุ้นได้แบบมีข้อมูลเชิงปริมาณสนับสนุน 

 

-> ข่าวสารการเติบโตของกิจการ ..ข่าวการได้โครงการใหม่ ข่าวการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ข่าวการควบรวมกิจการ ข่าวขยายสาขา ข่าวชนะประมูล ฯลฯ หรือแม้กระทั่งการประชุมนักวิคราะห์ ที่ผู้บริหารจะมีการให้ Guidance ประเมินภาพเป้าหมายอนาคต เช่น จะมีลูกค้าเติบโต double digit, มีเป้าหมาย EBITDA เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นได้ทั้งสิ้น  

 

-> ความนิยม ของหุ้นใน sector ...ในบางรอบการลงทุน ความนิยมของนักลงทุนกองทุน หรือต่างชาติ ในหุ้นบาง sector สามารถผลักดันราคาหุ้นทั้งกลุ่มได้อย่างไม่น่าเชื่อ นักลงทุนรุ่นเก๋าอาจจะจำได้ว่าหุ้นโรงไฟฟ้าในอดีตคือหุ้น Defensive กินปันผล ราคาไม่หวือหวา แต่ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าถูกนำมาเทรดอย่างร้อนแรง และขึ้นเกือบทั้งกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหน้าใหม่อย่าง GULF, BGRIM, GPSC หรือ หุ้นหน้าเก่าอย่าง EGCO RATCH กระทั่งหลายตัวมี PE Ratio ที่สูงลิบ หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่เวลาขึ้นก็ขึ้นทั้งกลุ่ม สลับตัวเล่นกันในกลุ่ม กระทั่งกลายสภาพเป็นหุ้นเติบโตที่เพิ่งลดความร้อนแรงลงหลังจากเกิดโควิดนี่เอง 

 

2. Fund Flow 

จากแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศ (กองทุน) โดยเฉพาะการปรับพอร์ตของดัชนีหลักอย่าง MSCI AC Asia Pacific Index หรือแนวโน้มการเข้าเก็บหุ้น หรือลดพอร์ต ของกองทุนในประเทศ เป็นปัจจัยที่กระทบต่อราคาหุ้นใหญ่ใน SET50 มาก 

 

ด้วยสองปัจจัยหลักดังกล่าว ถ้าใครประเมินข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกทาง หรือมีโอกาสล่วงรู้ข้อมูลได้ก่อน ก็สามารถประเมินได้ว่าจะกระทบกับราคาหุ้นได้ในทิศทางไหน  ก็อาจจะสามารถเทรดหุ้นทำกำไรได้  อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ  ซึ่งรูปแบบการลงทุนนี้ไม่ใช่การลงทุนระยะยาวแบบ Value Investment แต่เรียกได้ว่าเป็นการเก็งกำไรด้วยปัจจัยพื้นฐานระยะสั้น 

 

ช่วงปีนี้ เรายังอยู่ในวิกฤตโควิด19 ซึ่งความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ในภาวะที่เศรษฐกิจมหภาค (Macro-Economic) มีความเสี่ยงสูง ทั้งการค้าขายระหว่างประเทศที่ลดลง การปิดเมือง ปิดการบินระหว่างประเทศทำให้การบริโภคในประเทศลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งปัญหาการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้น แต่ตลาดหุ้นทั่วโลกกลับไม่ได้ลงรุนแรงในระดับติดลบ 30-50% แต่ได้ฟื้นกลับขึ้นมามากพอควร ตลาดหุ้นจีนและอเมริกา สามารถปรับตัวขึ้นเหนือกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดแล้วด้วยซ้ำ 

 

หันกลับมามองที่ตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นลดลงต่ำสุดในช่วงโควิดเดือนมีนาคมที่ 979 จุด ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 13XX จุด ผมคิดว่านับจากนี้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้นไทยได้มากในระยะสั้น-กลาง นอกจากปัจจัยเรื่อง Fundamental และ Fundflow แล้ว ยังมีเพิ่มขึ้นมาอีกหลายตัว เช่น

 

-> การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ต่ำอยู่แล้ว ให้ต่ำลงไปอีก

-> นโยบาย QE ผ่อนคลายเชิงปริมาณ ที่มีผลโดยตรงต่อสภาพคล่องในระบบ 

-> อัตราผู้ติดเชื้อที่จะถึงจุด Peak 

-> ความเป็นไปได้ในการ lockdown เมือง รอบสอง 

-> ความคืบหน้าวัคซีนโควิด 

 

การประเมินราคาหุ้นในระยะสั้นน้อยกว่า 6 เดือน กำลังยากขึ้นๆ เหมือนการถอดสมการหลายตัวแปร โดยเฉพาะเรื่อง ผู้ติดเชื้อโควิด การปิดเมือง และความคืบหน้าวัคซีน ปัจจัยเหล่านี้คาดการณ์แทบไม่ได้ 

 

ถ้าแย่ลง ... ก็อาจจะแย่ลงได้มากกว่าคาด

 

ถ้าดีขึ้น... ก็อาจดีขึ้นมากกว่าคิด


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง