เพลงยังชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบร็อค บางคนชอบแร็พ บางคนชอบอะคูสติกแบบเบาๆ

 

อาหารก็ชอบต่างกัน บางคนกินเผ็ด บางคนกินหวาน บางคนกินจืด

 

การลงทุนของแต่ละคน ก็คงไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

 

เคยมั้ย เห็นเพื่อนที่ได้กำไรทุกวัน หลักพันบ้าง หมื่นบ้าง แสนบ้าง 

 

เคยมั้ย เห็นเพื่อนถือหุ้นไม่กี่วัน บวก 20% 30% 

 

เคยมั้ย เห็นเพื่อนถือหุ้นไม่กี่ตัว ผ่านไป 3 ปี กำไรบวกเป็น 100% 200%

 

หันมาดูพอร์ตเรา ทำไมไม่ไปไหน

 

เดย์เทรด เราก็เล่น หุ้นซิ่ง เราก็ลอง

 

ถือยาวเราก็มี หุ้น Turn Around ไม่เคยพลาด

 

หุ้น IPO ก็เล่นทุกตัวตั้งแต่วันแรก

 

แต่สุดท้าย พอร์ตก็ยังพังไม่เป็นท่า

 

ถามตัวเองทุกวัน ว่าเราผิด เราพลาดที่ตรงไหน ?

 

สิ่งที่เราผิดอาจไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ หรือเราไม่เก่ง แต่เราอาจไม่เคยถามตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราเหมาะกับการลงทุนแบบไหน จริตของเราเข้ากับอะไร เราทำแบบไหนแล้วได้ผลดีและมีความสุข ไม่ต่างกับการกินอาหาร ฟังเพลง แต่งตัว หรือท่องเที่ยว 

 

วิธีการที่ผมอยากแนะนำให้ลองสำรวจตัวเองแบบนี้ครับ

 

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัด

 

เราลงทุนเพื่ออะไร ต้องการผลตอบแทนจำนวนเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ แล้วเราก็จะคำนวณกลับมาได้ว่าแต่ละปี หรืออาจจะเป็นแต่ละเดือน เราต้องทำผลตอบแทนได้กี่เปอร์เซ็นต์ จึงจะถึงเป้า

 

2. ตอนนี้เรามีอะไรบ้าง

 

เป็นการสำรวจหน้าตักว่า ตอนนี้เราอายุเท่าไหร่ เงินทุนมีเท่าไหร่ ความสามารถเราอยู่ระดับไหน แล้วเป้าหมายที่เราตั้งไว้มันสอดคล้องกันหรือเปล่า เช่น อายุ 30 ปี มีเงินเก็บ 1 ล้านบาท อยากปั้นพอร์ต 60 ล้านบาท ก่อนเกษียณ ในอีก 30 ปี ข้างหน้า เราก็จะรู้ว่าต้องทำผลตอบแทนประมาณปีละ 15% แบบทบต้น

 

3. สไตล์เราเป็นแบบไหน

 

เราสายซิ่งมั้ย ชอบอ่านตัวเลข ข้อมูล ประเมินราคา หรือว่าชอบดูกราฟ ดู pattern ถือหุ้นนานแล้วเครียดมั้ย หรือชอบเล่นสั้นกำไรคำเล็กๆ แต่บ่อยๆ คำแนะนำคือ ลองลงทุนในทุกๆ แบบดูว่า จริงๆ เราเป็นคนแบบไหน เหมาะกับสไตล์ไหน แล้วเราก็จะมีคำตอบให้ตัวเอง เช่น เราเนี่ย ไม่มีเวลามานั่งดูกราฟ ดูราคาหุ้น ทุกวัน แต่เราชอบวิเคราะห์ข้อมูล ดูกลยุทธ์ แล้วก็คาดการณ์แนวโน้มกิจการ ถ้าแบบนี้ก็อาจจะเหมาะกับการเป็น VI ซื้อหุ้นน้อยตัว ซื้อตอนราคาเหมาะสมต่ำกว่ามูลค่า แล้วก็ถือยาวไป ตามดูกิจการทุกไตรมาสก็อาจจะพอ 

 

ถ้าเราเข้าใจชัดว่า เป้าหมายเราคืออะไร ปัจจุบันเรามีแค่ไหน และสไตล์เราเป็นแบบไหน เราก็จะรู้เลยว่า เราไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะท่วงทำนองการลงทุนของเรากับคนอื่นนั้นต่างกัน แล้วเราก็จะมองโลกการลงทุนแบบเข้าใจและมีความสุขมากกว่าเดิม

 

อย่ามัวแต่วิ่งตามจังหวะของคนอื่น ถ้ามันไม่ใช่ท่วงทำนองเพลงของเรา

 

ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้กำไร แค่มันอาจจะมาช้า เพราะเราฟังกันคนละเพลง