"Dollars and Sense"

เหมาะกับการอ่านไป สำรวจตัวเองไปว่า เราใช้เหตุผลในการจ่ายเงินมากแค่ไหน ตัวอย่างจากหนังสือมากมายให้เราคิด เช่น

-เสื้อแบบเดียวกัน ตัวแรก $60 อีกตัวนึงเขียนว่า ลด 40% เหลือ $60 ทำไมเราถึงรู้สึกดึงดูดกับการเห็นตัวเลข ลดราคา มากกว่า ทั้งๆ ที่เป็นเสื้อแบบเดียวกัน

>> นั่นเป็นเพราะเรารู้สึกถึงความคุ้มค่า การได้ตัดสินใจเลือกที่ชาญฉลาด

- ไวน์ขวดละ $200 เรารู้สึกว่าแพง เลยเลือกสั่งขวดละ $150 ที่ราคารองลงมาแทน ทั้งๆ ก็ยังแพงอยู่ดี และความจริงก็คือไวน์ขวดแพงสุดไม่เคยมีใครสั่ง

>> แต่เราไปยึดติดกับตัวเลขแรกที่เห็น และยอมจ่ายกับของที่ราคาใกล้เคียงลงมา

- เราเอารถไปซ่อม ช่างจับดู นิดๆหน่อยๆ ขยับซ้ายขวาไม่กี่ที บอกว่าเสร็จแล้ว คิดเงิน $80 เรากลับรู้สึกงง และไม่ค่อยยินดีจะจ่ายเงินเท่าไหร่ ผิดกับกรณีที่ช่างอีกคนใช้เวลาซ่อม 3 ชั่วโมง ต้องเปลี่ยนอะไหล่อีก และคิดเงิน $120 เรากลับรู้สึกพอใจมากกว่า

>> เพราะเราให้ค่ากับความพยายามที่ดูคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป และสำหรับเราที่ซ่อมรถไม่เป็น เราก็มองว่ามันคือปัญหาใหญ่ที่น่าจะต้องใช้เวลา แต่จริงๆ เราควรจะดีใจที่เจอช่างเก่ง ซ่อมเร็วมากกว่า

- ไข่มุกดำ วางเดี่ยวๆ ไม่มีใครมอง แต่พอเอามาวางติดกับเพชรและอัญมณีอันอื่น กลับขายดิบขายดี

>> เป็นมุมมองของการเปรียบเทียบและคิดเอาเองว่า ของที่อยู่ด้วยกันกับของที่มีค่า มันก็น่าจะมีค่ามีราคาในระดับเดียวกัน

- บริษัทจ่ายโบนัสทุกเดือนๆ ละ $1,000 หรือจ่ายเป็นปี $12,000 ดูเหมือนจะเท่ากัน แต่แบบแรกเรามองว่าเป็นเหมือนเงินเดือน เราก็จะไม่ได้เอามาใช้อะไรเท่าไหร่ แต่แบบหลังเราจะเอามาฉลอง กิน เที่ยว ซื้อของชิ้นใหญ่ให้ตัวเองเป็นรางวัลของการทำงาน

>> เพราะเราให้คุณค่าของการจัดหมวดหมู่ของเงินไม่เหมือนกันระหว่างเงินเดือนที่มาประจำ กับโบนัสก้อนใหญ่ที่ดูมีคุณค่ามากกว่า

- เป็นหนังสือที่สนุกดีครับ (แต่หนาไปหน่อย และบางบทอาจจะเขียนวนไปมาบ้าง) ทำให้เข้าใจเหตุผล การตัดสินใจของคนเราในแต่ละเหตุการณ์ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น น่าจะเอามาช่วยให้เราคิดแบบมีเหตุผลได้มากขึ้นทั้งในแง่ของชีวิตประจำวันและการลงทุน

เราอาจจะลองถามตัวเองดูว่า เรามีเหตุผลแค่ไหน และขาดทุนไปกี่ดอลลาร์

--- ปีก่อนหุ้นอยู่่ 50 บาท เราบอกแพง ไม่สนใจ วันนี้หุ้นวิ่งมาจะ 150 บาท เราเริ่มจะมาสนใจ

--- หุ้นตัวนึงมา เราก็เหมาคิดไปว่า หุ้นตัวอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันจะวิ่งตามกันหมด

--- หุ้นบางตัว เจอ COVID กำไรยังไม่ดี ลูกค้ายังไม่กลับมา แต่ราคา new high เราก็แอบเล็งอยากได้