#วางแผนการเงิน

กรณีศึกษากองทุนรวม ONE ทำอย่างไรให้สร้างผลตอบแทนสูงในวิกฤต COVID

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
141 views

รู้หรือไม่ว่า ช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกตกลงมาอย่างหนัก ผลตอบแทนติดลบค่อนข้างมาก แต่ถ้านักลงทุนมีวิธีคัดเลือกสินทรัพย์ในการลงทุนที่ดี ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ 

 

ยกตัวอย่างเช่น ช่วงวิกฤต COVID-19 ที่ตลาดหุ้นไทยร่วงถึง -20%


แต่กองทุนของ  ONE Asset Management กลับสร้างผลตอบแทนได้มากถึง 10-17% 

 

วันนี้ เลยอยากพามาดูกันว่าหน้าตาของกองทุน ONE เพื่อเป็นกรณีศึกษา ว่าเขาทำอย่างไร ลงทุนอะไร? ถึงสามารถฝ่าวิกฤต COVID ได้ 

... มาไขความลับกันครับ ...

 

กองทุนแรกที่เลือกมาเป็นตัวอย่าง  คือ  กองทุนเปิด ONE-UGG 

ที่เน้นลงทุนในกองทุนต่างประเทศ  Baillie Gifford Long Term Global Growth Fund ซึ่งเป็นกองที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็น Mega Trends  สามารถถือลงทุนระยะยาวได้ 

 

ซึ่งพอพูดถึง Mega Trends ก็คิดว่าเรื่องนี้สำคัญมากสำหรับนักลงทุน ที่ควรรู้ และใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาเลือกลงทุนด้วย 

จึงขอสรุปให้ดูกันก่อนว่า  5  Mega Trends  ที่สำคัญในยุคนี้ มีอะไรบ้าง 

 

  • Aging Society สังคมผู้สูงอายุดังนั้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้ คือ โรงพยาบาล การแพทย์ บริการ ท่องเที่ยว

 

  • Urbanization ความเป็นเมือง - ดังนั้นกลุ่มเกี่ยวกับการบริโภค ห้าง ร้านอาหาร แฟชั่น เครื่องประดับ สุขภาพ รวมถึงสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์

 

  • Digital Lifestyle ชีวิตยุคดิจิทัล - คงไม่มีใครแย้งอีกต่อไปแล้ว ว่านี่คือยุคดิจิทัล ยิ่งเกิด COVID-19 ยิ่งเร่งให้โลกเข้าสู่ Digital Lifestyle เต็มตัว  ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ สตีมมิ่งหนัง-เพลง ผู้ให้บริการสื่อสาร หรือ Tech Startup ต่างๆ ล้วนมีอนาคต

 

  • She-Conomy ผู้หญิงมีอำนาจการซื้อ - ดังนั้นผลิตภัณฑ์ของผู้หญิง ความสวยความงาม ของตกแต่งบ้าน ก็น่าสนใจ

 

  • Growing Sustainability พลังงานสะอาด - เพราะเทรนด์รักโลก จะเข้มข้นและเป็นรูปธรรมขึ้นเรื่อยๆ นับจากนี้ไป

 

กลับมาที่ กองทุนเปิด ONE-UGG  ถ้าเราเจาะลึกหุ้นรายตัวที่กองทุนถือ ก็จะเห็นว่า บริษัทส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใน 5 Mega Trends  ที่กล่าวไป และเป็นบริษัทที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี  ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่  อาทิเช่น

 

- Amazon.com , Alibaba : เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เหมาะกับยุค Digital Lifestyle ที่คนมีกำลังซื้อมากขึ้น โหยหาความสะดวกสบาย ต้องการสินค้าคุณภาพสูง ในราคาที่ไม่แพง

 

- Tesla : เจ้าของนวัตกรรมรถพลังงานไฟฟ้า และระบบคนขับอัตโนมัติ ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่และใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเข้ากับธีม Growing Sustainability

 

- Tencent : ยักษ์ใหญ่ของจีน เจ้าของแพลตฟอร์มมากมาย เช่น Wechat , Shopee , Garena, JOOX, WeTV รวมถึงระบบ e-payment ต่างๆที่ชาวจีนนิยมใช้กันเป็นจำนวนมาก รวมถึงคนไทยด้วย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง 

 

- Facebook, Netflix, Alphabet(Google) : คนไทยน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ ที่ใช้กันทุกวัน

 

 

โดยผลประกอบการที่ผ่านมา ของกองทุน ONE-UGG ก็ให้ผลตอบแทนโดดเด่นมาก

ถ้าเราซื้อและถือมาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จะได้ผลตอบแทนถึง 22.74%

 

ตัวอย่างกองทุนที่สอง คือ กองทุนเปิด ONE-DISC 

ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ Baillie Gifford Worldwide Discovery  ที่ลงทุนในหุ้นเติบโตขนาดกลาง-เล็ก ในช่วงก่อนเติบโตเต็มที่ (Immaturity)

 

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุนถือ เช่น 

- Ocado บริษัทซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์รายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ

 

- Market Axess บริษัท Fintect เจ้าของแพลตฟอร์มซื้อขายตราสารหนี้ทั่วโลก

 

- Alnylam Pharmaceuticals บริษัทวิจัยและพัฒนาในการรักษาโรคทางพันธุกรรม

 

- Tesla บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และผู้คิดค้นพลังงานทางเลือก

 

- Lending Tree บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มสินเชื่ออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในอเมริกา

 

- Zillow Group บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มสำหรับเช่า ซื้อ ขาย อสังหาริมทรัพย์ออนไลน์

 

ถึงแม้ว่ากองทุนนี้ก่อตั้งได้ไม่นาน (เดือน 11 ปี 2019) แต่ก็สร้างผลตอบแทนได้น่าประทับใจ

ถ้าเราซื้อและถือมาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จะได้ผลตอบแทน 22.12%

 

จะเห็นได้ว่าหุ้นที่กองทุนเหล่านี้ถือเต็มไปด้วยหุ้นขนาดเล็ก มีนวัตกรรม และเป็น Mega Trends  ที่กำลังจะเติบโตในอนาคต เช่น บริษัท Lending Tree เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์เหมาะกับความเป็น Digital lifestyle ของคนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่บริษัท Alnylam Pharmaceuticals ที่วิจัยเกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรมที่เป็นปัญหาสำหรับผู้สูงอายุ หรือคนอายุน้อยแต่มีโรคทางพันธุกรรมสืบทอดกันมา ก็ยังตรงกับธีม Aging Society 

 

กองทุนสุดท้าย  ที่เลือกมาในวันนี้ คือ  กองทุนเปิด ONE-GECOM 

ด้วยกระแสออนไลน์ที่มาแรง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เข้าสู่โลกออนไลน์เติบโตอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็น Online Shopping, Online Travel หรือ Online Marketplace  สิ่งเหล่านี้เรียกว่า E-Commerce

 

ซึ่งกองทุน ONE-GECOM จะลงทุนใน Amplify Online Retail ETF  ประมาณ 70%
ส่วนอีก 30%  ผู้จัดการกองทุนของ One Asset Management จะคัดเลือกหุ้นลงทุนด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของกองนี้ 


ตัวอย่างหุ้นที่ Amplify Online Retail ETF เช่น

- Stamps.com บริษัทรับส่งสินค้าในอเมริกาที่โตเร็วมากในอเมริกา

 

- Wayfair INC ขายสินค้าเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ออนไลน์ในอเมริกา

 

- CHEGG INC เจ้าของแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ ยืมหนังสือออนไลน์ แนะแนวการเรียนต่อ

 

- PETMED Express ร้านขายยาสัตว์เลี้ยงออนไลน์ ในอเมริกา

 

- DELIVERY HERO เจ้าของ Foodpanda  ที่คนไทยรู้จักกันดี รวมถึงจัดส่งอาหารออนไลน์ทั่วโลก มีสำนักงานอยู่ที่เยอรมนี

 

ตัวอย่างหุ้นที่กองทุน ONE คัดเลือกด้วยตัวเอง เช่น Alibaba, Amazon.com, Netflix เป็นต้น

 

สำหรับผลประกอบการที่ผ่านมา กองทุน ONE-GECOM ให้ผลตอบแทนอย่างโดดเด่น

ถ้าเราซื้อและถือมาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จะได้ผลตอบแทน 27.62%

 

จะเห็นได้ว่าหุ้นที่กองทุน Amplify Online Retail ETF เลือกลงทุน แต่ละบริษัทก็เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองทั้งนั้น

 

ดูจากทั้ง 3 กองทุนที่ผ่านมา พอจะสรุปได้ว่าวิธีลงทุนให้ชนะตลาดได้นั้นต้องประกอบไปด้วย 2 ปัจจัย คือ

1. ลงทุนในหุ้นเติบโต และเป็น Mega Trends

2. ไม่จำกัดตัวเองเฉพาะหุ้นไทยอย่างเดียว ตลาดหุ้นต่างประเทศก็มีความน่าสนใจ 

 

ทั้งนี้นักลงทุนบางคนอาจจะคิดว่า เงินไม่เยอะพอ หรือมีความเสี่ยงเรื่องค่าเงินผันผวน ซึ่งนี่คือข้อดี ของการลงทุนผ่านกองทุน เพราะมีเงินน้อยก็สามารถลงทุนได้ และนโยบายของกองทุน ที่ยกตัวอย่างของบลจ.วรรณ ก็มีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องค่าเงินในสัดส่วนที่เหมาะสม 

 

นี่ก็ถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจครับ ลงทุนต่างประเทศไม่ยาก และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ "เหนือกว่า" ตลาดหุ้นไทยได้

 

 

ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง