ในเรื่องของการอ่านพื้นฐาน อัตราส่วนสำคัญก็ถือเป็น "ทางลัด" ที่พอจะมองบริษัทว่ามีสภาพคล่องที่ดี หรือราคาหุ้นถูกแพงมากน้อยแค่ไหน และอัตราส่วนสำคัญที่นักลงทุนต้องดู คือ current raio ทำไมถึงสำคัญ และสิ่งที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง
... มาดูกันครับ
Current raio คือ อัตราส่วนสภาพคล่อง หมายความว่าบริษัทจะสามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ตัวเองมีมาเป็นเงินสดได้เร็วกว่าหนี้สินที่ตัวเองต้องจ่ายภายใน 1 ปี มากน้อยแค่ไหน
โดยปกติ ถ้าอัตราส่วนมีค่ามากกว่า 1 เราจะบอกว่า บริษัทนี้มีสภาพคล่องสูง
ถ้าอัตราส่วนนี้น้อยกว่า 1 เราจะบอกว่า บริษัทนี้มีสภาพคล่องต่ำ
ซึ่งจะหาอัตราส่วนนี้ได้ เราจะต้องเปิด"งบดุล" แล้วหาคำว่า สินทรัพย์หมุนเวียน หารด้วย หนี้สินหมุนเวียน ได้เท่าไรเราจะเรียกว่า Current raio
จำไว้ว่า ถ้ามากกว่า 1 คือดี และ ถ้าน้อยกว่า 1 คือ ไม่ดี ...
แต่ในความเป็นจริง มันคือการมองแบบ "หยาบ" เราอาจจะต้องมาทำการบ้านกันต่อ
สมมุติว่าใน 4 บริษัทค้าปลีก ...
บริษัท X มี Current raio 1.5 เท่า
บริษัท Y มี Current raio 0.85 เท่า
บริษัท Z มี Current raio 2.4 เท่า
บริษัท W มี Current raio 0.57 เท่า
ถ้าเรามองแบบหยาบๆแล้ว เราอาจจะสรุปว่า บริษัท X และ Z ย่อมดีกว่าบริษัท Y และ W เพราะมี Current raio มากกว่า 1 เท่า สภาพคล่องสูงกว่า แต่ถ้าเราเจาะลึกเข้าไปแล้วปรากฏว่า บริษัท X และ Z ส่วนใหญ่เน้นเช่าพื้นที่เพื่อขายของมากกว่า ดังนั้นสินทรัพย์หมุนเวียนของบริษัทจะมีแค่เงินสด กับสินค้า ที่พอจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันที
ในขณะที่บริษัท Y และ W เน้นการสร้างอาคารเอง เป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่เสียค่าเช่า ดังนั้นบริษัทจะมีในรูปแบบสินทรัพย์ถาวรสูง ทำให้สินทรัพย์หมุนเวียนต่ำ ทำให้เวลาหารออกมากับหนี้สินหมุนเวียนมันเลยดุน้อยกว่าความเป็นจริง ส่งผลให้บริษัท Y แล W มี Current raio ต่ำ แต่ไม่ได้หมายความว่าพื้นฐานจะแย่
ดังนั้น เวลาเราจะดูในเรื่องของสภาพคล่องทางธุรกิจแล้ว ต้องเข้าใจถึงลักษณะของธรรมชาติธุรกิจนั้นๆด้วย ต่างอุตสาหกรรม ก็มีวิธีมองที่แตกต่างกัน เช่น บริษัทนี้เน้นเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้ขยายการเติบโตได้ช้า ในขณะที่อีกบริษัทเน้นขยายสาขาหนัก ส่วนใหญ่เป็นในรูปแบบเช่าพื้นที่ ทำให้สภาพคล่องแตกต่างกัน บริษัทไหนมีสภาพคล่องสูง บริษัทไหนมีสินทรัพย์ถาวรสูง